กำลังเป็นที่ถกเถียงกันในสังคมอเมริกันว่าด้วยความเป็นส่วนตัวและความมั่นคง เมื่อเร็วๆ นี้ นิวยอร์กไทมส์เปิดเผยว่า มีบริษัทสตาร์ทอัปแห่งหนึ่งดาวน์โหลดและเก็บรวบรวมภาพถ่ายผู้คนในอินเทอร์เน็ตไว้มหาศาลเป็นฐานข้อมูลในระบบจดจำใบหน้า แล้วขายบริการนี้ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และธนาคาร

นั่นหมายถึงรูปถ่ายของเราที่อยู่บนโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์มอาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของฐานข้อมูลที่ถูกจัดทำขึ้นมาเพื่อขายให้กับหน่วยงานทหารและตำรวจของสหรัฐอเมริกา โดย Clearview AI บริษัทสตาร์ทอัปที่มี Hoan Ton-That โปรแกรมเมอร์วัย 31 ปีจากออสเตรเลียเป็นซีอีโอ ได้พัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถเก็บภาพถ่ายกว่า 3 พันล้านภาพที่อยู่ในอินเทอร์เน็ต บริษัทอ้างว่าแค่ภาพถ่ายใบเดียวหรือภาพที่ตัดมาจากวิดีโอ แอปนี้ก็สามารถช่วยตำรวจหาใบหน้าที่ตรงกันได้แล้ว และจะพบแอคเคาน์โซเชียลมีเดียของบุคคลนั้นๆ เพียงแค่ไม่กี่วินาที

ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายเมื่อเดือนที่แล้วหรือภาพถ่ายเมื่อ 10 ปีก่อน ฐานข้อมูลของเคลียร์วิว เอไอก็เก็บไว้หมด Ton-That อ้างว่าระบบนี้ทำงานแม่นยำ 99.6%  เขายังบอกว่า ภาพเหล่านี้ใช้เพื่อการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่เท่านั้น เคลียร์วิว ก็ไม่ใช่ระบบสอดส่องติดตามแบบ 24 ชั่วโมง เขายังบอกว่าเคลียร์วิวเป็นเสิร์ชเอนจินที่หาภาพที่เปิดเป็นสาธารณะเท่านั้น จะไม่สามารถหารูปที่อยู่ในแอคเคาท์ที่ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวได้ 

วิธีการทำงานของเคลียร์วิวอาจอธิบายได้ว่า ถ้าคุณมีรูปถ่ายของใครสักคนแต่ไม่รู้จักชื่อ คุณก็สามารถใส่รูปนี้ลงไปในแอปเคลียร์วิว มันก็จะแสดงรูปของคนนี้ที่มีอยู่ในระบบขึ้นมาทันที พร้อมกับลิงก์ของโซเชียลมีเดียที่รูปนั้นๆ ปรากฏอยู่ 

เขาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า ตอนนี้มีหน่วยงานตำรวจและทหารของสหรัฐอเมริกาและแคนาดามากกว่า 600 หน่วยงานที่ใช้เครื่องมือนี้ แต่ก็ไม่บอกว่าสัดส่วนของผู้จ่ายเงินค่าบริการกับทดลองใช้ฟรีเป็นเท่าใด นอกจากนี้ธนาคารก็ยังเป็นลูกค้าของบริษัทด้วย เพราะต้องการใช้ซอฟต์แวร์ตรวจสอบการปลอมแปลงทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นเจพีมอร์แกน แบงก์ออฟอเมริกา หรือเวลส์ ฟาร์โก 

การดาวน์โหลดและเก็บรูปภาพของเคลียร์วิว นับว่าผิดนโยบายของโซเชียลมีเดียเกือบทุกแพลตฟอร์ม การเปิดเผยเรื่องนี้ทำให้เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ยูทูบส่งหนังสือขอให้บริษัทเคลียร์วิวหยุดกระทำการ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจก็คือ กรรมการบริษัทคนหนึ่งของเฟซบุ๊กเป็นผู้ลงทุนกลุ่มแรกๆ ของเคลียร์วิว ซึ่งไม่มีการเปิดเผยว่า เขารู้เรื่องที่เคลียร์วิวดาวน์โหลดข้อมูลจากเฟซบุ๊ก ซึ่งละเมิดกฎของเฟซบุ๊กหรือไม่  

หลายรัฐในสหรัฐอเมริกา ห้ามเจ้าหน้าที่ใช้ระบบจดจำใบหน้า ประเด็นที่ว่าเคลียร์วิวกำลังคุกคามความเป็นส่วนตัวมากแค่ไหนไม่ยังไม่ชัดเจน นิวยอร์กไทมส์รายงานว่า นอกจากตำรวจชิคาโกซึ่งจ่ายเงินสำหรับบริการนี้ 2 ปีไปแล้ว 50,000 ดอลลาร์สหรัฐแล้ว ตำรวจของรัฐนิวเจอร์ซีย์ก็ใช้ระบบของเคลียร์วิวเช่นกัน โดยใช้สำหรับสืบสวนเครือข่ายล่อลวงทำร้ายเด็ก ตำรวจบอกว่าแอปพลิเคชั่นนี้ช่วยให้ระบุตัวคนร้ายก่อนที่เขาจะเข้าถึงตัวเด็ก อย่างไรก็ตามอัยการสูงสุดของนิวเจอร์ซีย์กล่าวว่า เพิ่งรู้จากข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เครื่องมือนี้ จึงสั่งให้หยุดใช้จนกว่าจะมีการตรวจสอบเสร็จ ส่วนรัฐนิวยอร์กก็ออกมาปฏิเสธว่า ตำรวจนิวยอร์กมีความสัมพันธ์กับบริษัทดังกล่าว

ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท เคลียร์วิว เอไอ ค่อนข้างซับซ้อนและไม่ชัดเจนนัก มีรายงานว่าในช่วงปลายปี 2017 บริษัทเริ่มเตรียมขายบริการระบบจดจำใบหน้า และทำการตลาดกับหน่วยงานตำรวจและทหาร ในปี 2019 บริษัทระดมทุนผ่านเว็บไซต์ Pitchbook ที่เปิดโอกาสให้บริษัทสตาร์ทอัปใช้ระดมทุนได้เงิน 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้บริษัทจะพยายามที่จะไม่เป็นที่พูดถึงในที่สาธารณะ แต่เรื่องของบริษัทเป็นที่รับรู้เมื่อปลายปี 2019  เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้หญิงคนหนึ่งที่ขโมยเครื่องดูดฝุ่นและเตาปิ้งจากร้าน เธอถูกตรวจพบจากวิดีโอกล้องวงจรปิดผ่านระบบของเคลียร์วิว ซึ่งโยงไปยังเฟซบุ๊กของเธอ

ที่มา:

https://edition.cnn.com/2020/02/10/tech/clearview-ai-ceo-hoan-ton-that/index.html

https://www.vox.com/recode/2020/2/11/21131991/clearview-ai-facial-recognition-database-law-enforcement

https://www.nytimes.com/2020/01/18/technology/clearview-privacy-facial-recognition.html