หลังจากที่มีรายงานข่าวว่าไมโครซอฟท์เตรียมเข้าซื้อกิจการ TikTok ของบริษัทไบต์แดนซ์เพื่อดำเนินการในสหรัฐอเมริกาออกมา ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชาวจีนแสดงความไม่พอใจที่บริษัทสัญชาติจีนอ่อนข้อให้กับสหรัฐอเมริกามากเกินไป ขณะที่ทรัมป์ประกาศว่าการเจรจาซื้อขายต้องเสร็จสิ้นภายใน 45 วันตามที่คณะกรรมการการลงทุนต่างประเทศ (CFIUS) กำหนด
เว็บไซต์ TechCrunch รายงานว่า ในเว่ยป๋อ แพลตฟอร์มคล้ายทวิตเตอร์ของจีน ผู้ใช้หลายร้อยคนตอบโต้จดหมายที่จางอี้หมิง ซีอีโอและผู้ก่อตั้งไบต์แดนซ์ส่งถึงพนักงานเพื่อชี้แจงเรื่องการเตรียมขายกิจการในสหรัฐอเมริกาให้กับไมโครซอฟท์ เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม โดยเขาให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องทำเพื่อไม่ให้ TikTok ถูกแบน เขาถูกชาวเน็ตโจมตีว่าเป็นผู้ทรยศต่อประเทศจีน
ผู้ใช้เว่ยป๋อคนหนึ่งโพสต์ว่า จางเคยโพสต์ชื่นชมสหรัฐอเมริกาว่าเปิดกว้างให้มีการถกเถียง ซึ่งทำไม่ได้ในจีนที่ความคิดเห็นถูกนำเสนอเพียงด้านเดียว แต่ตอนนี้ทำไมจางไม่โต้แย้งกับสหรัฐอเมริกา โพสต์นี้มีผู้กดไลก์ 3,600 ครั้ง โพสต์ต่างๆ ในบัญชีเว่ยป๋อของอี้หมิงถูกตั้งไม่ให้คนภายนอกเห็น คาดว่าเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกผู้ใช้เข้าไปถล่มที่หน้าเว็บของเขา
ขณะที่เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม หนังสือพิมพ์ไชน่าเดลี่ของรัฐบาลจีนตีพิมพ์บทบรรณาธิการที่ระบุว่า รัฐบาลปักกิ่งไม่ยอมรับการขโมยบริษัทเทคโนโลยีของจีน และเตือนว่า จีนมีหลายวิธีที่จะตอบโต้ถ้ารัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงดำเนินการตามแผนการขโมย
สำหรับท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ที่ทำเนียบขาว ทรัมป์เปิดทางให้ไมโครซอฟท์ดำเนินการได้ พร้อมประกาศว่า สหรัฐอเมริกาจะแบน TikTok ถ้าไมโครซอฟท์หรือบริษัทอื่นๆ ไม่เข้าซื้อกิจการภายในวันที่ 15 กันยายนนี้ ระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่าการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้สร้างรายได้ให้กับจีนมหาศาล ซึ่งกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ควรจะได้เงินจากการอนุญาตให้ซื้อขายได้ โดยที่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
นอกจากการขาย TikTok ในสหรัฐอเมริกาแล้ว มีรายงานว่าไบต์แดนซ์กำลังพิจารณาย้ายสำนักงานใหญ่บริษัทไปยังกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ -จีน ขณะนี้กำลังประเมินความเป็นไปได้
ที่มา:
https://techcrunch.com/2020/08/03/chinese-netizens-criticize-bytedance-ceo/
https://www.nytimes.com/2020/08/03/technology/trump-tiktok-microsoft.html
https://www.bbc.com/news/business-53633315
ภาพ: LIONEL BONAVENTURE / AFP
Tags: TikTok