บาร์บารา บุช ภรรยาของประธานาธิบดีคนที่ 41 และแม่ของประธานาธิบดีคนที่ 43 ของสหรัฐอเมริกา เสียชีวิตที่บ้านพักในเมืองฮุสตัน ขณะที่มีอายุ 92 ปี เมื่อเย็นวันอังคารที่ 17 เม.ย.

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สำนักงานของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ บุช ออกแถลงการณ์ระบุว่า หลังจากปรึกษาหารือกันในครอบครัวและแพทย์ นางบุชตัดสินใจที่จะ “ไม่รับการรักษาทางการแพทย์เพิ่มอีก และจะเน้นการดูแลที่เหมาะสมแทน”

อดีตประธานาธิบดีบุช สามี อยู่เคียงข้างเธอ “เขากุมมือเธอตลอดทั้งวัน และอยู่ข้างๆ ตอนที่เธอสิ้นลม” แถลงการณ์ระบุ

คู่สามีภรรยาบุชเพิ่งฉลองครบรอบวันแต่งงานปีที่ 73 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เป็นคู่สามีภรรยาที่อยู่ด้วยกันนานที่สุดในประวัติศาสตร์ประธานาธิบดีสหรัฐฯ

เธอเคยถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยโรคน้ำท่วมปอดเมื่อปี 2013 เข้ารับการผ่าตัดโรคกระเพาะอาหารทะลุในปี 2008 และผ่าตัดหัวใจในอีกสี่เดือนต่อมา

ระหว่างมกราคม 1989 ถึง 1993 ที่เธอดำรงตำแหน่งสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา บาร์บารา บุชปฏิเสธที่จะพูดในที่สาธารณะในเรื่องที่เป็นประเด็นถกเถียงกัน โดยเฉพาะเมื่อความคิดเห็นของเธอไม่เหมือนกับของสามี

“ฉันไม่ต่อต้านหรือสนับสนุน” เธอกล่าวถึง บทแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเรื่องสิทธิเสมอภาค (Equal Rights Amendment – ERA) ในปี 1989 ที่ปรับปรุงสิทธิผู้หญิง เธอกล่าวว่า “ฉันไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ ฉันต้องการสิทธิเสมอภาคสำหรับผู้หญิง ผู้ชาย และทุกคน”

มีข่าวลือว่าเธอเห็นด้วยกับสิทธิการทำแท้ง แต่บุชอธิบายว่าเธอสนับสนุนสามี และไม่บอกว่าเธอพอใจกับจุดยืนต่อต้านการทำแท้งของเขาหรือไม่

บุชสนใจเรื่องการอ่านออกเขียนได้และสิทธิพลเมือง เธอเป็นผู้สนับสนุนคนแรกๆ ของการเคลื่อนไหวในสองประเด็นนี้

ผู้คนมองบาร์บารา บุช ว่าเป็นผู้หญิงที่ไม่เสแสร้ง เธอสามารถสวมต่างหูมุกปลอม กินทาโกจากร้านแผงลอย เดินเล่นกับสุนัขในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำ และหยอกล้อตัวเองได้ รวมทั้งยอมรับความคิดเห็นที่ว่า เธอเป็นคุณยายเชยๆ จากผมสีขาว และท่าทางแบบหญิงวัยกลางคน เธอถูกมองว่าเป็นสโนว์ไวท์ผมสีขาวและผู้พิทักษ์ครอบครัว

ผู้เขียนประวัติชีวิตของบาร์บารา บุชตั้งข้อสังเกตในหนังสือ “Simply Barbara Bush: A Portrait of America’s Candid First Lady” ว่า “เธอเข้ามาในทำเนียบขาวพร้อมกับความคล่องแคล่วในการควบคุมภาพลักษณ์ของตัวเอง และเธอไม่ต้องการแข่งกับแนนซี่ เรแกน การเป็นภริยาในแวดวงการเมืองที่ได้รับความนิยมน้อยดูเหมือนจะผ่านการคิดคำนวณมาแล้ว”

เมื่อถามว่าเธอจะช่วยประธานาธิบดีบุชอย่างไร บาร์บารา บุชกล่าวว่า ไม่ทำอะไรเลย “ฉันจะไม่ย้อมสีผม ไม่เปลี่ยนตู้เสื้อผ้า หรือลดน้ำหนัก” ถึงกระนั้นในฐานะสตรีหมายเลขหนึ่ง ก็เป็นที่รู้กันว่าเธอใส่เสื้อผ้าของดีไซเนอร์ และเปลี่ยนทรงผม

แม้เธอมักพูดเรื่องตลกเกี่ยวกับตัวเอง เธอสารภาพว่า เธอเกือบจะร้องไห้ออกมาตอนที่ เจน พอลลีย์ บอกในรายการทูเดย์ว่า “คุณบุชคะ มีคนบอกว่าจอร์จเป็นผู้ชายของยุค ’80s และคุณคือผู้หญิงของยุค ’40s”

บาร์บารา เพียร์ซ เกิดเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 1925 ในโรงพยาบาลด้านแม่และทารกที่นิวยอร์ก ซึ่งดำเนินการโดยหน่วยกู้ภัยสำหรับแม่ที่ไม่ได้แต่งงาน เธอเป็นลูกคนที่สามของ พอลลีน โรบินสัน และ มาร์วิน เพียร์ซ ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจสิ่งพิมพ์ บาร์บาราเติบโตในครอบครัวร่ำรวย จบชั้นมัธยมปลายในโรงเรียนประจำ แอชลีย์ ฮอลล์

เมื่ออายุ 15 ปี เธอพบจอร์จ บุชในปี 1941 ในงานเต้นรำคริสต์มาสที่เมืองกรีนิช ซึ่งจอร์จอยู่ที่นั่น หลังจากเข้าเรียนในสมิธ คอลเลจ ขณะเพิ่งขึ้นปีที่ 2 บาร์บาราก็ตัดสินใจเลิกเรียน “ความจริงก็คือ ฉันไม่สนใจแล้ว ฉันสนใจแต่จอร์จ”

บาร์บาราแต่งงานกับจอร์จ ขณะที่ยังอายุไม่ถึง 20 ปี เมื่อเดือนมกราคม 1945 ตอนนั้นเขายังเป็นทหารอยู่ ทั้งคู่ย้ายไปอยู่ตามฐานทัพต่างๆ ทั้ง มิชิแกน เมน และเวอร์จิเนีย ก่อนที่จะย้ายมาเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเยล จอร์จ ดับเบิลยู บุช เกิดที่นั่นในปี 1946 เมื่อจอร์จ บุชเรียนจบ ทั้งคู่ก็ย้ายไปอยู่ในเท็กซัส ซึ่งเขาได้งานเป็นเสมียนเครื่องมือในอุตสาหกรรมน้ำมัน ลูกๆ อีก 4 คนเกิดที่นี่

ทั้งครอบครัวย้ายไปยังวอชิงตันในปี 1966 หลังจากที่บุช ได้รับเลือกใ้ห้เป็น ส.ส. จากพื้นที่หมายเลข 7 จากเท็กซัส

ปี 1973 บุชเป็นประธานของพรรครีพับลิกัน ซึ่งในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งเกิดเรื่องคดีวอเตอร์เกทขึ้น ประธานาธิบดีเจรัลด์ อาร์. ฟอร์ด ส่งบุชไปที่ประเทศจีนในสำนักงานประสานงานของสหรัฐอเมริกา ในกรุงปักกิ่ง ปี 1974 ลูกๆ ไม่ได้ติดตามไปด้วย หลังจากอยู่ที่นั่นสองปี บุชก็ได้เป็นผู้อำนวยการ CIA ต่อมา 11 เดือน บาร์บาราบอกในการแถลงข่าวเมื่อปี 1989 ว่า ภาวะซึมเศร้าของเธอมาจากขบวนการเคลื่อนไหวผู้หญิง “ฉันเชื่อว่ามันทำให้ฉันรู้สึกไม่พอ ฉันไม่แน่ใจว่ายังไง คุณถูกทำให้รู้สึกมีคุณค่าน้อยลงไปนิดหน่อย”

ตลอดแปดปีของการเป็นภริยาของรองประธานาธิบดี เธอเข้าร่วมงานที่เกี่ยวกับการรู้หนังสือกว่า 500 งาน และเมื่อดำรงตำแหน่งสตรีหมายเลขหนึ่ง เธอก่อตั้งมูลนิธิบาร์บารา บุช เพื่อครอบครัวรู้หนังสือ โดยใช้กำไรที่ได้จากการขายหนังสือ

“ฉันต้องการเป็นที่รู้จักในฐานะเมีย แม่ และย่า นี่คือสิ่งที่ฉันเป็น และฉันอยากจะมีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นคนที่ใส่ใจผู้คนและทำงานหนักมากๆ เพื่อทำให้คนอเมริกันอ่านออกเขียนได้มากขึ้น”

 

 

ที่มารูป: REUTERS/Jason Reed JIR/HB

ที่มา:

Tags: , , ,