อัมสเตอร์ดัมเป็นเมืองล่าสุดของยุโรปต่อจากบาร์เซโลนาของสเปน ดูบรอฟนิคในโครเอเชีย และเวนิซแห่งอิตาลี ที่กำลังจัดการกับปัญหา ‘การท่องเที่ยวล้นเกิน’ (overtourism)

ก่อนหน้านี้ บาร์เซโลนาระงับการก่อสร้างโรงแรมใหม่ในศูนย์กลางประวัติศาสตร์ ลดจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าไปในตลาดบุคเคอเรีย ส่วนเมืองดูบรอฟนิก โครเอเชีย ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีย์เกมออฟโธรนส์ ผู้ว่าการเมืองต้องการลดจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าไปในศูนย์กลางของยุคกลาง ที่เวนิซแห่งอิตาลี ก็มีหน่วยตรวจตราผู้ที่มีพฤติกรรมแย่ๆ อย่างการกินอาหารในสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ รวมถึงมีการเดินขบวนต่อต้านการท่องเที่ยวในบาร์เซโลนาและเวนิซ

ตอนนี้ ถึงคราวของอัมสเตอร์ดัมบ้าง

กรุงอัมสเตอร์ดัมมีประชากรน้อยกว่า 1 ล้านคน แต่คาดว่าปีนี้จะมีท่องเที่ยวประมาณ 20 ล้านคน ทั้งหมดไปกองอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ คลอง และ เด วอลเลน เขต Red Light District ซึ่งเป็นเขตที่การขายบริการทางเพศถูกกฎหมาย

ผลที่ตามมาก็คือ อัมสเตอร์ดัมกลายเป็นเมืองที่มีแต่สิ่งอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว เช่น มีคาเฟ่สำหรับสูบกัญชาแทนร้านขายของชำ ร้านที่ขายพวงกุญแจห้อยถุงยางอนามัยแทนที่จะเป็นร้านทำกุญแจ กลิ่นของวัฟเฟิลใส่นูเทลลามาแทนกลิ่นขนมปังอบใหม่ๆ

“คนมาที่นี่ และคิดว่ามันคืออาหารประจำชาติของเรา” ชาวเมืองคนหนึ่งกล่าว

เทศบาลนครอัมสเตอร์ดัมจึงมีมาตรการต่างๆ เพื่อจัดการปัญหานี้ ทั้งการคิดภาษีโรงแรมเพิ่มขึ้น 2 เท่า ห้ามไม่ให้เช่าห้องพักแบบ Airbnb ในใจกลางเมือง และห้ามเปิดร้านขายของที่ระลึกใหม่ ล่าสุดยังได้ห้ามบริการขี่จักรยานแบบ 12 ที่นั่งริมคลองแล้วดื่มเบียร์ไปด้วย รวมถึงการพยายามหลอกล่อให้นักท่องเที่ยวไปที่อื่นบ้าง นอกจากใจกลางเมือง เช่น มีชายหาดแคบๆ ที่คนท้องถิ่นเรียกว่าแซนด์วูร์ต ที่รู้จักกันในหมู่นักท่องเที่ยวว่า ‘หาดอัมสเตอร์ดัม’

มาตรการต่างๆ ยังมีเป้าหมายเพื่อกำจัดนักท่องเที่ยวที่ ‘สร้างปัญหา’ เช่น วิดีโอที่เตือนนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะผู้ชายอายุระหว่าง 18-34 ปีว่าต้องโดนปรับหากมีพฤติกรรมไม่ดี เช่น เสียค่าปรับ 140 ยูโรถ้าปัสสาวะในที่สาธารณะ และ 95 ยูโรในกรณีที่รบกวนความสงบ มาตรการนี้เริ่มมาตั้งแต่ต้นปี 2018 มีการแจ้งเตือนทั้งในเว็บไซต์จองตั๋วและที่พัก รวมทั้งในสนามบิน

แอร์ เซอร์มอนด์ (Arre Zuurmond) ผู้ตรวจการเมืองอัมสเตอร์ดัมให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเมื่อวันที่ 30 ก.ค.ว่า อัมสเตอร์ดัมกลายเป็นเมืองป่าเถื่อนในตอนกลางคืน และตำรวจไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้

เมื่อเร็วๆ นี้ผู้ตรวจการเทศบาลอัมสเตอร์ดัมจึงเตรียมออกมาตรการใหม่โดยกล่าวว่า ขยะที่เกลื่อนกลาดตามท้องถนน รวมทั้งอ้วก เป็นปัญหาใหญ่ของเขต Red Light District จึงจะมีการปิดบางพื้นที่ชั่วคราวเพื่อทำความสะอาด รวมถึงติดตามตัวเลขของนักท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิดว่าไปกระจุกตัวอยู่ที่ใดที่หนึ่งมากแค่ไหน โดยจัดระดับตั้งแต่ไฟเขียวไปจนถึงไฟแดง ถ้าไฟแดงหรือมีนักท่องเที่ยวหนาแน่น ก็จะปิดถนนไม่ให้เข้าไป

สำหรับชาวอัมสเตอร์ดัม ปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือนักท่องเที่ยวผู้ชายซึ่งมักจะเมาเหล้าและเมากัญชาในช่วงกลางคืน พวกเขาทำเหมือนว่าศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของอัมสเตอร์ดัมคือดิสนีย์แลนด์

อัมสเตอร์ดัมมี ‘ผู้ว่าการภาคค่ำ’ (night mayor) ที่คอยทำหน้าที่รักษาสมดุลระหว่างชีวิตยามค่ำคืนกับความสับสนวุ่นวาย อาจพูดได้ว่า นโยบายภาคค่ำ (night policy) ประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง เพราะก่อนหน้านี้ ผู้ว่าการภาคค่ำคนล่าสุดก็มีผู้ดำรงตำแหน่งนี้จนครบวาระ 6 ปีไปแล้ว

เบิร์ต แนป (Bert Nap)  นักเขียนตำราภาษาวัย 59 ปี ย้ายมาอยู่ที่อัมสเตอร์ดัมตั้งแต่ 40 ปีก่อน เขาและภรรยามีลูกสาวที่เติบโตในบ้านหลังเล็กๆ ซึ่งอยู่ระหว่างโบสถ์และคลองในเขต Red Light และไม่อยากย้ายไปไหน

เมื่อเร็วๆ นี้ เขาเปิดประตูบ้านมาเจอกลุ่มชายหนุ่มจากอังกฤษที่แต่งตัวเหมืองเอลวิสตะโกนเอะอะโวยวายอยู่หน้าบ้าน เขาถามว่า “ทำไมไม่ทำแบบนี้ที่บ้านของพวกคุณล่ะ”

ก็ได้รับคำตอบว่า “เพราะอัมสเตอร์ดัมขายยาและโสเภณี เราซื้อถนนของคุณ เราจ่ายเงินไป” เขาจำได้แม่นว่า คนใส่ชุดเอลวิสบอกว่า “ไปเถอะ ย้ายไปอยู่ที่อื่น”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนท้องถิ่นถูกรบกวนจากนักท่องเที่ยวกลางดึก นักท่องเที่ยวหลายคนอาเจียนใส่กระถางต้นไม้ ปัสสาวะใส่ตู้ไปรษณีย์ ร้องเพลงเสียงดังที่หน้าประตู “เมืองของผมกลายเป็นเมืองที่อะไรจะเกิดขึ้นก็ได้ไปแล้ว”

“ง่ายๆ ลองดูช่วงค่ำๆ ถ้าเหตุผลเดียวที่ทำให้คุณมาที่อัมสเตอร์ดัมคือ มาเมากัญชา อย่ามาที่นี่เลย” รองผู้ว่าการเมืองอัมสเตอร์ดัมกล่าว

นักท่องเที่ยวสองคนจากแคลิฟอร์เนียซึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นการทัวร์เขต Red Light  บอกว่า นักท่องเที่ยวชอบที่นี่มากๆ หรือชอบไอเดียนี้มากๆ แต่ “อัมสเตอร์ดัมที่แท้จริงไม่มีคนเยอะขนาดนี้ ที่นี่ไม่มีใครเป็นชาวดัตช์เลย นอกจากไกด์”

แนปเห็นด้วยกับกฎหมายใหม่ที่ออกมา เขาสังเกตว่านักท่องเที่ยวเองก็รู้สึกว่า “มีนักท่องเที่ยวเยอะเกินไป”

“ผมจะไม่ย้ายออกไป เพียงเพราะว่ามีนักท่องเที่ยวขี้เมาบอกมาว่าเขาจ่ายเงินเพื่อให้ได้สิทธิในการทำลายบ้านของผม และเพื่อนบ้านของผม รวมทั้งสิทธิในการใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบ ไม่มีใครซื้อให้เราออกไปจากที่นี่ได้”

 

 

ที่มาภาพ: REUTERS/Yves Herman

ที่มา:

Tags: , , ,