สวิตเซอร์แลนด์ ประเทศในฝันของนักท่องเที่ยว นายธนาคาร และนักเลี่ยงภาษีทั่วโลก เป็นเอกราชจากจักรวรรดิโรมันมาตั้งแต่ปี 1499 และก่อตั้งเป็นประเทศสาธารณรัฐขึ้นเมื่อวันที่ 12 กันยายน 1848 มีระบอบการปกครองเป็นของตนเองที่สืบเนื่องต่อมาจนถึงปัจจุบัน

ในพื้นที่ 41,285 ตารางกิโลเมตรของสวิตเซอร์แลนด์ มีทะเลสาบมากกว่า 1,500 แห่ง จึงอธิบายได้ว่า ประชากรชาวสวิสอยู่ห่างจากทะเลสาบไม่เกินรัศมี 16 กิโลเมตร และด้วยเหตุผลเดียวกัน ประเทศนี้จึงผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังน้ำได้ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ และพื้นที่ราว 70 เปอร์เซ็นต์ของสวิตเซอร์แลนด์ประกอบไปด้วยภูเขา ในจำนวนนั้น ภูเขา 208 ลูกมีความสูงกว่า 3,000 เมตร และมีภูเขา 24 ลูกสูงกว่า 4,000 เมตร

สวิส (รุ่นใหม่) คิดรอบคอบ และเปิดเผย

ประชากรชาวสวิสมีประมาณ 8.4 ล้านคน พอๆ กับประชากรในกรุงเทพมหานครเพียงจังหวัดเดียว มีภาษา 4 ภาษาประจำชาติ ได้แก่ เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาเลียน และเรโทโรมานิช แล้วแต่ว่าใครจะอยู่ในภูมิภาคติดเขตแดนเพื่อนบ้านประเทศไหน

นิสัยใจคอของชาวสวิส ส่วนใหญ่ค่อนข้างเป็นมิตร มีระเบียบวินัย รอบคอบ รักสันโดษ ไม่เลือกฝักใฝ่ฝ่ายใดทางการเมืองมาตั้งแต่ยุคสงครามโลก จนถึงยุคก่อตั้งสหภาพยุโรป สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศหนึ่งที่ไม่ยอมลงนามเข้าเป็นสมาชิก แม้จะมีการทำประชามติในภายหลัง ประชาชนชาวสวิสส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะเป็นเอกเทศจากสหภาพยุโรป

ชาวสวิสรุ่นใหม่ดูจะมีนิสัยเป็นคนเปิดเผย ประเมินได้จากโปรเจ็กต์ ‘Zeig deinen Lohn’ (เผยเงินเดือนของนายมา) ซึ่งปกติแล้ว การเปิดเผยรายได้เป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ไม่ทำกัน

แคมเปญนี้จัดตั้งโดยกลุ่มสหพันธ์แรงงานในซูริคและชัฟเฟนเฮาเซน ทำเป็นแพลตฟอร์มในอินเทอร์เน็ต รณรงค์ให้ผู้คนเปิดเผยรายได้โดยสมัครใจ จุดประสงค์เพื่อต่อต้านการแบ่งแยกเรื่องอัตราค่าจ้าง และเรียกร้องความโปร่งใสมากขึ้น รวมถึงเรียกร้องความเป็นธรรมระหว่างหญิงและชาย ชาวสวิสและที่ไม่ใช่ชาวสวิส ตลอดจนลูกจ้างชั่วคราวและประจำ

ข้อมูลเกี่ยวกับแคมเปญ Zeig deinen Lohn ในเว็บไซต์ มีผู้สมัครใจเข้าไปโพสต์รูป ชื่อ อาชีพ และรายได้ของตนเอง โดยไม่ต้องแสดงหลักฐาน และทางองค์กรจัดตั้งก็ไม่ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง

ความจริงสหพันธ์แรงงานเคยประท้วงและเสนอเรื่องความโปร่งใสเกี่ยวกับค่าแรงต่อรัฐบาล มีการยื่นเรื่องเข้าที่ประชุมรัฐบาล แต่ท้ายที่สุดข้อเรียกร้องก็ตกไป

สวิสรักษ์โลก

ในสวิตเซอร์แลนด์ ประชาชนจะเคร่งครัดกับเรื่องการทิ้งขยะ เช่นต้องนำขยะประเภทขวด อลูมิเนียม และไม้ไปทิ้งตามจุดทิ้งขยะแยกประเภท ส่วนขวดเทอร์โมพลาสติก หรือ PET (Polyethylene Terephthalate) ทุกคนจะต้องนำกลับไปคืนตามซูเปอร์มาร์เก็ตที่จำหน่าย เช่นเดียวกันกับแบตเตอรีหมดอายุ

ขยะกระดาษ ทุกคนจะต้องมัดรวบให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ก่อนนำไปวางที่ข้างถนนในเช้าวันที่มีการจัดเก็บ ซึ่งจะเป็นคนละวันกับขยะกระดาษประเภทกล่องที่จะมีการจัดเก็บทุกๆ สองสัปดาห์ และทั้งหมดนั้นไม่เกี่ยวกับขยะภายในบ้าน ที่มีตารางการจัดเก็บของหน่วยงานเทศบาลในแต่ละรัฐกำหนดให้ เช่นเดียวกันกับขยะจากสวนและสนามหญ้า

ปฏิทินจัดเก็บขยะของแต่ละรัฐจะแตกต่างกัน คนไทยอาจฟังแล้วงงๆ แต่คนสวิสรับรู้แล้วเข้าใจ และพร้อมปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัด

สวิสรักสัตว์

วัวกลางลานหญ้าบนภูเขาสูง ดูสุขภาพดีและอารมณ์ดี ที่เราเคยเห็นในหนังโฆษณานั้น มีจริงในสวิตเซอร์แลนด์ เพราะวัวคือแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพอย่างนม เนย และเนยแข็ง

ชาวสวิสจริงจังกับเรื่องอาหารจากสัตว์ ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา รัฐบาลสวิสออกกฎหมายห้ามฆ่าสัตว์เพื่อประกอบอาหารขณะที่สัตว์นั้นยังมีชีวิตอยู่ ณ จุดนี้หมายถึง กุ้งก้ามกราม ประเภทใช้มีดปลายแหลมแทงลงไปกลางหัวกุ้ง แล้วหย่อนลงในหม้อน้ำเดือด 20 วินาที หรือ 2 นาที ถือเป็นการทำทารุณกรรมสัตว์ และผิดกฎหมายในสวิตเซอร์แลนด์ กฎหมายดังกล่าวครอบคลุมถึงการฆ่าและทารุณสัตว์ประเภทอื่นๆ ด้วย รวมทั้งการเลี้ยงหนูตะเภาไว้ลำพังตัวเดียวก็ผิดกฎหมายเช่นกัน ถ้าใครจะเลี้ยงต้องมีอย่างน้อย 2 ตัว

พูดถึงเรื่องการฆ่าสัตว์เพื่อประกอบอาหาร ชวนให้นึกถึงประโยคคำพูดของพอล แม็กคาร์ตนีย์ที่ว่า “ถ้าโรงฆ่าสัตว์ติดผนังเป็นกระจกใสทั้งอาคาร เราคงจะหันมากินมังสะวิรัติกันหมดแน่ๆ”

และก็ชวนให้นึกไปถึงเมนูกุ้งเต้นในร้านลาบบ้านเรา ที่พ่อค้าตักกุ้งตัวจิ๋วที่กำลังกระโดดโลดเต้นอย่างผวาไปใส่ในหม้อพร้อมเครื่องปรุง นึกถึงร้านอาหารทะเลสดชื่อดัง ที่คีบปูเนื้อหรือปูม้าจากกระชัง แล้วโยนใส่ในหม้อต้มน้ำเดือด…

และอื่นๆ แบบสวิสๆ

  • ประเทศที่มีธงประจำชาติเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีอยู่เพียง 2 ประเทศในโลก คือ สวิตเซอร์แลนด์ และวาติกัน
  • ชาวสวิสบริโภคกัญชาติดอันดับต้นของโลก มีการประเมินกันว่า นักเสพกัญชาราว 6 แสนคนสูบกัญชา 100 ตันต่อปี
  • ผู้หญิงสวิส ได้รับสิทธิในการเลือกตั้งอย่างเท่าเทียมกันทุกรัฐครั้งแรกเมื่อปี 1971
  • ธนบัตร 1,000 ฟรังก์สวิส เป็นธนบัตรที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก
  • Helvetica ชื่อฟอนต์ที่มีคนนิยมมากที่สุดในโลก คิดค้นและออกแบบโดยนักกราฟิกชาวสวิส-มักซ์ มีดิงเกอร์ (Max Miedinger) และเอดูอาร์ด ฮอฟฟ์มันน์ (Eduard Hoffmann) เมื่อปี 1957
  • ซอสคาเฟ เดอ ปารีส์ ในเมนู entrecôte (ริบอาย สเต็ก) ที่มีชื่อเสียงก้องโลก ไม่ได้ถูกคิดค้นหรือมาจากปารีส แต่มีต้นกำเนิดจากร้านอาหาร Café de Paris ในนครเจนีวา ตั้งแต่ทศวรรษ 1930s และเป็นสูตรเดียวกันกับที่ร้าน Le Boeuf (เลอ เบอฟ) ในกรุงเทพฯ

 

อ้างอิง:

Tags: ,