ฝรั่งเศสประกาศยอมรับปาเลสไตน์ในฐานะประเทศกลางเวทีสหประชาชาติ (United Nations: UN) ร่วมกับชาติมหาอำนาจตะวันตกอย่างสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และแคนาดา ย้ำโลกต้องหาทางสร้างสันติภาพร่วมกัน ด้านผู้เชี่ยวชาญมอง เบนจามิน เนทันยาฮู (Benjamin Netanyahu) นายกรัฐมนตรีอิสราเอล อาจเข้าตาจนและเตรียมหาหนทางตอบโต้ ด้วยการผนวกเขตเวสต์แบงก์เป็นส่วนหนึ่งของประเทศ
เมื่อคืนนี้ (22 กันยายน 2025) เอ็มมานูเอล มาครง (Emmanuel Macron) ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ขึ้นสุนทรพจน์ในการประชุม Summit of the Future ณ สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (United Nations General Assembly: UNGA) ท่ามกลาง 140 ประเทศที่เข้าร่วม โดยประกาศยอมรับ ‘รัฐปาเลสไตน์’ ในฐานะประเทศ ตามแนวทาง 2 รัฐ (Two State Solution) คือการสนับสนุนให้รัฐอิสราเอลกับรัฐปาเลสไตน์อยู่ร่วมกันได้โดยสันติ พร้อมเรียกร้องให้ 2 ชาติยุติสงครามกาซาโดยทันที
“ถึงเวลาต้องยุติสงครามในกาซา การสังหารหมู่ และความตายของผู้คน
“ถึงเวลาที่เราต้องสร้างความยุติธรรมให้กับคนปาเลสไตน์ และรับรองรัฐปาเลสไตน์ในกาซา เวสต์แบงก์ และเยรูซาเล็ม”
มาครงกล่าวต่อว่า การยอมรับปาเลสไตน์ในฐานะรัฐไม่ได้สร้างความอ่อนแอให้อิสราเอล มีแต่จะสร้างผลประโยชน์ เพราะฝรั่งเศสให้เงื่อนไขเบื้องต้นกับปาเลสไตน์ว่า จะเปิดสถานทูตอย่างเป็นทางการในประเทศ หากกลุ่มฮามาสยอมปล่อยตัวประกันที่ถูกจับไปตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2023
ขณะที่ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส (António Guterres) เลขาธิการ UN เห็นด้วยว่า การมอบสถานะรัฐให้ปาเลสไตน์ไม่ใช่รางวัล แต่เป็นสิทธิ พร้อมกับกล่าวถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสงครามกาซาว่า ไม่มีอะไรสร้างความชอบธรรมให้กับฮามาสที่จับตัวประกัน หรือชาวปาเลสไตน์ที่ถูกสังหารหมู่
ก่อนหน้านี้สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และแคนาดา เป็นชาติมหาอำนาจตะวันตกที่นำร่องยอมรับปาเลสไตน์ในฐานะรัฐ ขณะที่ประเทศอื่นๆ ได้แก่ เบลเยียม เดนมาร์ก ลักแซมเบิร์ก มัลตา ซานมาริโอ และโมนาโก เตรียมประกาศการรับรองกลาง UN เร็วๆ นี้ ถือเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อวิกฤตมนุษยธรรมในกาซา โดยเฉพาะข้อกล่าวหาเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์โดยอิสราเอล
อันที่จริง ฝรั่งเศสมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการประกาศรับรองปาเลสไตน์ในฐานะประเทศ โดยในช่วงที่ผ่านมา มาครงเป็นตัวกลางพูดคุยและรวบรวมเสียงจากนักการทูตหลายประเทศ ทำให้สำนักข่าว Politico ถึงกับเขียนบทวิจารณ์ว่า เขาสามารถเดินตามรอย ชาร์ลส์ เดอ โกล (Charles de Gaulle) อดีตผู้นำฝรั่งเศสที่มีความอหังการในตัวเองได้สำเร็จ แม้คะแนนความนิยมจะตกต่ำก็ตาม ขณะที่ต้องเผชิญสถานการณ์ตึงเครียดกับสหรัฐอเมริกา ภายใต้ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ที่อยู่เบื้องหลังการสนับสนุนอิสราเอล
หลังจากฝรั่งเศสและชาติมหาอำนาจแสดงจุดยืน แดนนี ดานอน (Danny Danon) เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำ UN กล่าวประณามการรับรองปาเลสไตน์ว่า เป็นละครสัตว์ทางการเมืองที่น่าอับอาย และประเทศไหนที่แสดงออกในครั้งนี้จะต้องถูกสหรัฐฯ ตอบโต้
บทวิเคราะห์ของ The Guardian มองสถานการณ์จากฝั่งอิสราเอลว่า เนทันยาฮูกำลังเผชิญภาวะเข้าตาจน และอาจผนวกเวสต์แบงก์เป็นส่วนหนึ่งของประเทศเพื่อตอบโต้ แม้ต้องแลกกับการแตกหักกับชาติอาหรับอีก 7 ประเทศตามข้อตกลงอับราฮัม (Abraham Accords) ก็ตาม ซึ่งผู้นำอิสราเอลได้เตรียมการรับมือไว้แล้ว สะท้อนกับการกล่าวว่า ประเทศต้องเป็นเหมือน ‘นครรัฐสปาร์ตา’ ที่อยู่ได้ด้วยตัวเอง หากถูกคว่ำบาตรทางการทูตหรือเศรษฐกิจ
อลอน ลีล (Alon Liel) อดีตเอกอัครราชทูตแอฟริกาประจำอิสราเอล วิเคราะห์ว่า นี่คือช่วงเวลา ‘หนีเสือปะจระเข้’ สำหรับเนทันยาฮู เพราะไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้อย่างชาญฉลาด แม้แต่คณะรัฐมนตรีก็กำลังหารืออยู่ว่า ตนทำอะไรผิดพลาดลงไปบ้าง เช่นเดียวกับ อลอน พินกาส (Alon Pinkas) อดีตนักการทูตอิสราเอล ที่มองว่า ตอนนี้เนทันยาฮูเมื่อ 3 ปีก่อนกับปัจจุบันต่างกันมาก โดยเฉพาะตอนนี้ที่เนทันยาฮูหลงผิดอย่างรุนแรง มองโลกความเป็นจริงบิดเบือน กลัวการเลือกตั้ง และคดีคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ผู้นำอิสราเอลใช้สงครามเพื่อยืดเวลานั่งเก้าอี้นายกฯ ให้กับตัวเอง
ปัจจุบันมีรายงานว่า ทรัมป์เตรียมพบผู้นำประเทศมุสลิม ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ กาตาร์ อียิปต์ จอร์แดน ตุรกี อินโดนีเซีย และปากีสถาน เพื่อหารือถึงสถานการณ์ในกาซาร่วมกัน
อ้างอิง
https://www.ynetnews.com/health_science/article/skmkhwvjlx
https://www.politico.eu/article/emmanuel-macron-donald-trump-palestine-statehood-un-france/
https://www.politico.eu/article/france-palestinian-statehood-emmanuel-macron-un-general-assembly/
https://www.theguardian.com/uk-news/2025/sep/21/uk-recognises-palestine-as-an-independent-state
https://www.theguardian.com/world/2025/jun/28/benjamin-netanyahu-israel-polling-iran-war
Tags: เอ็มมานูเอล มาครง, ยุโรป, ฝรั่งเศส, อิสราเอล, ปาเลสไตน์, West Bank, เนทันยาฮู