นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียได้ค้นพบโครงกระดูกช้างแมมมอธขนยาว (Wooly Mammoth) อายุมากกว่า 10,000 ปี จมอยู่ใต้ก้นทะเลสาบ Pachenelavato บริเวณทางตอนเหนือของไซบีเรีย หลังชั้นดินเยือกแข็ง (Permafrost) ละลายอย่างรวดเร็วในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา จนเผยให้เห็นชิ้นส่วนต่างๆ ที่ยังคงอยู่ในสภาพดี
การค้นพบโครงกระดูกช้างแมมมอธที่ยังคงอยู่ในสภาพเกือบสมบูรณ์นั้น ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์และนักโบราณคดีกลับค้นพบซากของมันเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอในดินแดนไซบีเรีย เนื่องจากอุณหภูมิในบริเวณไซบีเรียและรัสเซียอาร์กติกอุ่นขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าบริเวณอื่นของโลก โดยในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา อุณหภูมิได้พุ่งสูงขึ้นถึง 40 องศาเซลเซียส ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์
ทีมขุดค้นต้องใช้เวลากว่า 5 วันในการชำระล้างคราบดินโคลนออกจากโครงกระดูก จนจะสามารถระบุชิ้นส่วนต่างๆ ที่ค้นพบได้ อันประกอบไปด้วย ส่วนกะโหลกศีรษะ กรามล่าง ซี่โครงหลายซี่ และชิ้นส่วนของเท้า พร้อมกับชิ้นส่วนเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อบางส่วนที่ยังคงอยู่ในสภาพดี และคาดว่าโครงกระดูกที่ค้นพบ เป็นช้างแมมมอธเพศผู้ อายุราว 15-20 ปี และสูงราว 3 เมตร แต่ก็ยังไม่สามารถระบุสาเหตุของการเสียชีวิตได้
ขณะที่นักวิจัยจากสถาบันเชมานอฟสกี ในเมืองเซเลฮาร์ดของรัสเซีย ระบุว่า การค้นพบครั้งนี้จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับแมมมอธได้ลึกซึ้งมากขึ้น หลังนักวิทยาศาสตร์บางส่วนเชื่อว่า ช้างแมมมอธอาจจะไม่ได้สูญพันธ์โดยสมบูรณ์เมื่อราว 10,000 ปีก่อน แต่พวกมันบางส่วนอาจจะเหลือรอดและเลือกมาอาศัยอยู่ในดินแดนอลาสก้าและเกาะ Wirangel นอกชายฝั่งไซบีเรียแทน
อย่างไรก็ดี นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศได้ออกมาเตือนว่า การที่อุณหภูมิในบริเวณเหนืออาร์กติกเซอร์เคิลพุ่งสูงขึ้นเกือบ 40 องศาเซลเซียสในฤดูร้อนไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก แม้ว่ามันจะช่วยให้เราค้นพบโครงกระดูกแมมมอธมากขึ้นก็ตาม เพราะมันจะทำให้ชั้นดินเยือกแข็งละลายและปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมากขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศของโลก
ที่มา:
https://abcnews.go.com/Technology/wireStory/preserved-mammoth-skeleton-found-siberian-lake-71967418
Tags: แมมมอธ
