หลังเกิดเหตุสังหารหมู่ในเมืองเอล ปาโซ สหรัฐอเมริกา แทนที่จะพูดถึงกฎหมายครอบครองอาวุธปืนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์พยายามกล่าวโทษอยู่หลายครั้งว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นผลจากความผิดปกติทางจิต
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีรายงานว่าทำเนียบขาวกำลังพิจารณาก่อตั้งโครงการวิจัยที่เชื่อมโยงความเจ็บป่วยทางจิตเข้ากับการก่อเหตุรุนแรง โดยรัฐบาลของทรัมป์ได้ทำงานร่วมกับบ็อบ ไรท์ เพื่อนสนิทของเขาและผู้ร่วมผลิตรายการ ‘The Apprentice’ พัฒนาข้อเสนอโครงการใหม่ที่จะช่วยทำให้บ่งชี้สัญญาณความเปลี่ยนแปลงของผู้ที่มีอาการทางจิต เพื่อป้องกันพฤติกรรมที่รุนแรง
วอชิงตันโพสต์เปิดเผยรายงานนี้เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมว่า ข้อเสนอนี้เป็นส่วนหนึ่งของการก่อตั้งหน่วยงานใหม่ที่ชื่อว่า หน่วยงานวิจัยสุขภาพก้าวหน้า (Health Advanced Research Projects Agency) หรือ HARPA ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงสาธารณสุข และจะมีงบประมาณของตัวเองแยกต่างหาก โดยที่ทรัมป์เป็นผู้แต่งตั้งผู้อำนวยการ
โครงสร้างและการดำเนินงานของ HARPA จะเหมือนกับ DARPA หน่วยงานวิจัยทางทหารของเพนตากอน ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ของรัฐ ภาคเอกชน และวิชาการ แต่แทนที่จะเป็นการพัฒนาด้านยุทโธปกรณ์ ก็จะเป็นการรวมข้อมูลของประชาชนที่เลือกเข้าร่วมโครงการวิเคราะห์ ‘สัญญาณพฤติกรรมทางประสาท’ ของ ‘ผู้ที่มีแนวโน้มที่จะก่อเหตุความรุนแรงได้’ (a violent explosive act)
HARPA จะใช้อุปกรณ์ไอทีส่วนตัว เช่น แอปเปิลวอทช์ กูเกิล โฮม และฟิตบิตเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมหรือวิเคราะห์ความเปลี่ยนแปลงของสุขภาพจิต จากนั้นจะวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเอไอ
แนวคิดของโครงการนี้มาจากมูลนิธิซูซาน ไรท์ (Suzanne Wright) ที่ไรท์เป็นผู้ก่อตั้ง มีการพูดถึงครั้งแรกในหมู่เจ้าหน้าที่ด้านนโยบายกิจการภายในและเจ้าหน้าที่ของทำเนียบขาว เมื่อมิถุนายน 2017 แต่ความคิดนี้กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้งหลังเหตุสังหารหมู่ จนมีผู้เสียชีวิต 31 คนที่เมืองเอล ปาโซและเดย์ตัน รัฐโอไฮโอเมื่อเร็วๆ นี้ มูลนิธิเข้าพบตัวแทนของรัฐบาล และเสนอให้ HARPA มี โครงการ ‘บ้านปลอดภัย’ ซึ่งเป็นโครงการ “หยุดเหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตด้วยการช่วยพิชิตผู้ป่วยโรคจิตสุดขั้ว” (mental extreme) เจ้าหน้าที่ในทำเนียบขาวพูดคุยเรื่องโครงการนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของ HARPA และผู้ร่วมก่อตั้งสำนักงานเทคโนโลยีชีววิทยาของ DARPA ให้ข้อมูลว่า โครงการที่มีระยะเวลา 4 ปีนี้จะใช้อาสาสมัครด้านข้อมูลเพื่อตรวจหา ‘สัญญาณด้านพฤติกรรมทางประสาท’ ของผู้ที่มีแนวโน้มที่จะก่อเหตุความรุนแรงได้’ ใช้งบประมาณราว 40-60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เขายังบอกว่าใครๆ ก็เป็นอาสาสมัครได้ ไม่ได้ประดิษฐ์วิทยาศาสตร์ใหม่ขึ้นมา แต่วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อที่จะได้พัฒนาแนวทางใหม่ๆ
ไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ทรัมป์บอกว่า เขาคิดว่าผู้ป่วยทางจิตต้องเป็นคนแรกๆ ที่รับผิดชอบต่อเหตุสังหารหมู่ในสหรัฐอเมริกา เขาบอกว่า “ผมอยากให้คนจำคำว่า ‘ความเจ็บป่วยทางจิต’ (mental illness) คนพวกนี้ป่วยทางจิต ผมคิดว่าเราต้องสร้างสถาบันขึ้นมาอีกครั้ง เพราะว่าในช่วงปี 1960-1970 สถาบันเหล่านี้ถูกปิด”
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยมากมายจากนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตที่ชี้ว่า สุขภาพจิตและการก่อความรุนแรงด้วยอาวุธปืนไม่จำเป็นต้องเชื่อมโยงกัน ความเจ็บป่วยทางจิตอาจจะเป็นปัจจัยหนึ่งของการก่อความรุนแรง แต่ผลจากงานวิจัยส่วนใหญ่พบว่า มีผู้ก่อเหตุกราดยิงไม่ถึง 1 ใน 4 ที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีอาการป่วยทางจิต
ที่มา:
https://www.vanityfair.com/news/2019/08/trump-considering-neurobehavioral-tech-to-predict-mass-shooters-gun-control
ภาพ: REUTERS/Carlos Barria