จากการประชุมหารือด้านการกงสุลระหว่างไทยและสาธารณรัฐเกาหลีใต้ ครั้งที่ 4 ที่กรุงโซล ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐเกาหลีเป็นเจ้าภาพ ในวันที่ 30 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา นายชาตรี อรรจนานันท์ อธิบดีกรมการกงสุล เปิดเผยว่า ทั้งไทยและเกาหลีใต้เห็นตรงกันว่า ควรเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดกรองบุคคลตั้งแต่ต้นทาง เพื่อคุ้มครองนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปเที่ยวเกาหลีใต้โดยสุจริต เนื่องจากปัจจุบันมีจำนวนคนไทยที่ลักลอบเข้าไปทำงานอย่างผิดกฎหมายในเกาหลีใต้สูงถึง 140,000 คน

ถึงแม้รัฐบาลเกาหลีใต้จะมีมาตรการผ่อนปรนให้แรงงานต่างชาติที่ลักลอบทำงานผิดกฎหมายเดินทางกลับประเทศโดยไม่ถูกขึ้นบัญชีเป็นผู้กระทำผิด ซึ่งมาตรการนี้สิ้นสุดไปเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2562 แต่ก็ยังปรากฏว่า มีคนไทยที่อยู่อย่างผิดกฎหมายในเกาหลีใต้อยู่ถึงร้อยละ 39 ของจำนวนคนต่างชาติทั้งหมดที่พำนักอยู่อย่างผิดกฎหมายในเกาหลีใต้ ทำให้เกิดปัญหานักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศเกาหลีใต้ถูกกักตัว ปฏิเสธการเข้าประเทศ และส่งตัวกลับ ดังที่เห็นเป็นข่าวอยู่บ่อยครั้ง โดยในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้มีคนไทยถูกปฏิเสธเข้าเมืองประมาณ 10,000 คน ซึ่งเกิดจากความเข้มงวดในการตรวจสอบนักท่องเที่ยวไทยที่อาจจะลักลอบเข้าไปทำงานอย่างผิดกฎหมายในเกาหลีใต้

ก่อนหน้านี้ทางเกาหลีใต้มีนโยบายจะใช้ระบบ Electronic Travel Authorization (ETA) สำหรับคนไทยที่ประสงค์จะเดินทางไปสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อการท่องเที่ยว โดยให้คนไทยทำเรื่องลงทะเบียนขออนุญาตเข้าเกาหลีใต้ผ่านระบบออนไลน์หรือ ETA เสียก่อน

ระบบดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพของการคัดกรองคนเข้าเมืองได้ดียิ่งขึ้น และป้องกันไม่ให้คนไทยที่เดินทางเพื่อการท่องเที่ยวอย่างแท้จริงถูกปฏิเสธการเข้าเมือง แต่ถึงอย่างนั้น ระบบนี้ก็จะสร้างความยุ่งยากซับซ้อนในการเดินทางไปท่องเที่ยวที่เกาหลีใต้ของคนไทย ซึ่งทางไทยเตรียมที่จะขอให้ทางการเกาหลีใต้ผ่อนปรนการใช้ระบบดังกล่าว และอำนวยความสะดวกการตรวจคนเข้าเมืองแก่คนไทยที่เดินทางไปเกาหลีใต้ตามแนวปฏิบัติสากล ในการประชุมครั้งที่ 5 ซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศไทย

 

อ้างอิง:

  • http://www.mfa.go.th/main/th/news3/6886/102995-การประชุมหารือด้านการกงสุลไทย—สาธารณรัฐเกาหลี-คร.html
  • https://news.thaipbs.or.th/content/280123
  • https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_2522775

 

ที่มาภาพ : JUNG Yeon-Je / AFP

Tags: , , ,