หากคุณมีโอกาสได้ขับรถไปตามทางหลวงสายเลกวูด บูเลอวาร์ด (Lakewood Boulevard) ซึ่งเป็นหนึ่งในทางหลวงสายสำคัญที่จะพาคุณเข้าสู่รัฐแคลิฟอร์เนีย แล้วไปสู่ทางตอนใต้ของรัฐ ตามด้วยการขับตรงต่อไปเรื่อยๆ ไปทางใต้ของลอสแอนเจลิส ก่อนตัดเข้าไปที่ถนนฟลอเรนซ์ อเวนิว (Florence Avenue) เพื่อเข้าไปที่เมืองดาวนีย์ เมืองทางผ่านเล็กๆ และมีประชากรเพียงแค่หนึ่งแสนคน ที่นั่นมีสภาพอากาศกึ่งทะเลทรายกึ่งร้อนชื้นตลอดทั้งปี และถือว่าเป็นเมืองเล็กๆ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น เส้นทางการเผยแพร่ศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกของชาวสเปนที่เรียกว่า El Camino Real หรือว่าจะเป็นบริษัทการบิน Vultree ที่ผลิตเครื่องบินให้กับสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นผู้ริเริ่มโครงการอวกาศ Apollo อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของ McDonald’s สาขาที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังคงดำเนินอยู่จนถึงปัจจุบัน

McDonald’s สาขาเมืองดาวนีย์นี้ ถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่ใช่สาขาแรก แต่ก็เป็นสาขาที่เปิดมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาถึง 64 ปี แล้วยังคงรักษาเอกลักษณ์ของตัวโครงสร้างอาคาร รวมไปถึงโค้งสีทองเด่น 2 อัน (Golden Arches) ที่ถูกรักษาไว้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งสองพี่น้อง Dick และ Mac ได้เปิดมันเป็นสาขาที่ 3 ด้วยความฝันที่ว่าอยากให้ชาวอเมริกันได้กินแฮมเบอร์เกอร์ที่ดี ราคาถูก และสามารถทำด้วยเวลาอันรวดเร็ว

เป็นเวลานานถึง 80 ปี ที่สองพี่น้อง ดิ๊ก และแม็ก ได้ริเริ่มทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร โดยเริ่มมาจากการเปิดร้านเล็กๆ ชื่อ Airdrome แล้วขายอาหารจำพวกฮอตด็อกที่เมืองมอนโรเวีย รัฐแคลิฟอร์เนีย ก่อนที่จะย้ายร้านมาที่เมืองซานเบอร์นาดิโน ที่อยู่ห่างออกมาราวๆ 60 กิโลเมตร แล้วเปลี่ยนชื่อร้านใหม่ให้กลายเป็น McDonald’s Bar-B-Que ตามชื่อนามสกุลของพวกเขา ก่อนที่พวกเขาจะพบว่า กำไรส่วนใหญ่ของพวกเขานั้นมาจากการขายแฮมเบอร์เกอร์ จึงทำให้พวกเขาตัดสินใจยกเลิกเมนูอื่นๆ แล้วตั้งหน้าตั้งตาขายแต่แฮมเบอร์เกอร์ เฟรนช์ฟราย และน้ำอัดลมเท่านั้น พร้อมกับยกเลิกการบริการแบบ drive-in ที่ต้องเสียเวลาใช้เด็กเสิร์ฟเอาอาหารไปเสิร์ฟให้ที่รถ แล้วเปลี่ยนมาเป็นระบบการบริการด้วยตัวเอง ซึ่งในสมัยนั้นถือว่ายังไม่มีใครเคยทำมาก่อน และคำว่า ‘fast food’ ยังไม่เคยถูกคิดค้นขึ้นมาเสียด้วยซ้ำ

ดิ๊ก และแม็ก ใช้ความตั้งใจในการคิดค้นระบบการทำแฮมเบอร์เกอร์ที่อร่อย ถูก และรวดเร็ว ออกมาได้สำเร็จ ทำให้แฮมเบอร์เกอร์ของเขามีราคาถูก อร่อย และไม่ต้องเสียเวลารอ ซึ่งแน่นอนว่าร้านของเขาเป็นที่นิยมและขายดีมาก จนทำให้ เรย์ คร็อก (Ray Kroc) หนุ่มเซลล์แมนคนหนึ่งหันมาสนใจ และมองเห็นอนาคตในธุรกิจนี้ว่าดิ๊กและแม็กควรที่จะขายแฟรนไชส์ แล้วเพิ่มจำนวนสาขาให้กระจายออกไปมากขึ้นอย่างรวดเร็ว

เรย์ คร็อก (ไมเคิล คีตัน) เป็นเซลล์แมนตกอับ เขาขายเครื่องทำมิลก์เชกตามร้านอาหาร drive-in ต่างๆ และต้องทนกับการถูกปฏิเสธซ้ำๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาพบว่าร้าน McDonald’s ที่ซานเบอร์นาดิโน สั่งซื้อเครื่องทำมิลก์เชกของเขาทีเดียวถึง 8 อัน และนั่นจึงทำให้เขาถึงกับต้องดั้นด้นขับรถไปที่นั่น เพื่อให้เห็นด้วยตาของตนเอง ว่าพวกเขาทำอย่างไรถึงได้ขายดี จนต้องการกำลังการผลิตมากมายถึงเพียงนี้ และเมื่อเขาได้เห็นระบบการทำงานที่รวดเร็วของ McDonald’s พร้อมกับความเข้มงวด และการรักษาคุณภาพของอาหารอย่างจริงจังของสองพี่น้องดิ๊กและแม็ก (นิก ออฟเฟอร์แมน และ จอห์น แคร์โรล ลินช์) เขาก็ได้ยื่นข้อเสนอและทำสัญญาเพื่อที่จะขยายแฟรนไชส์ของพวกเขา

ความทะเยอทะยานของ เรย์ คร็อก ที่ต้องการทำให้ McDonald’s กลายเป็นสัญลักษณ์ของสหรัฐอเมริกาคงไม่ใช่เรื่องที่เพ้อเจ้อสักเท่าไหร่นัก ในเมื่อทุกวันนี้ไม่ว่าที่ไหนก็ล้วนมี McDonald’s ทั้งนั้น ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง ที่คร็อกได้ทำให้แฮมเบอร์เกอร์ของดิ๊กและแม็กไม่ได้เป็นแค่ของอร่อยในเมืองเล็กๆ แต่ได้เติบโตและขยายกิจการอย่างยิ่งใหญ่ จนกลายเป็นรสชาติและสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมอเมริกัน ที่ไม่มีใครในโลกจะไม่ยอมรับ และมันก็เป็นความจริงที่ต่อมาไม่นาน คร็อกได้ยึดเอาทุกสิ่งทุกอย่างของดิ๊กและแม็กมาเป็นของเขา พร้อมกับเรียกตัวเองว่า ‘The Founder’

The Founder คือภาพยนตร์ที่เล่าถึงเรื่องราวของ เรย์ คร็อก กับความมุ่งมั่นของเขา ผ่านความโหดร้ายและความชั่วร้ายของโลกธุรกิจ ที่ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้ แม้ว่าการกำกับและการดำเนินเรื่องของ จอห์น ลี แฮนค็อก  (The Blind Side – 2009) ออกจะดูเชยๆ เหมือนว่ากำลังดูหนังยุค 90s อยู่บ้าง แต่ด้วยเนื้อหาที่ทำมาจากเรื่องจริงที่เป็นเรื่องใกล้ตัวที่น่าสนใจ พร้อมกับถูกนำมาร้อยเรียงใหม่ ให้เราเห็นทั้งด้านของความฝัน ความมุ่งมั่น การเปลี่ยนแปลง และโลกแห่งความจริง จึงทำให้เรื่องราวของร้านอาหาร McDonald’s กลายเป็นเรื่องจริงใกล้ตัว ที่สามารถจุดแรงบันดาลใจและสอนอะไรให้กับเราได้มากมาย

แม้ว่าดิ๊กและแม็กใช้เวลามากกว่า 14 ปี ในการริเริ่มและก่อตั้ง McDonald’s ให้เป็นรูปเป็นร่างและได้รับความนิยม แต่ เรย์ คร็อก กลับเป็นผู้ที่เข้ามา และใช้เวลาไม่ถึง 10 ปี ในการขยายกิจการ ก่อนที่จะยึดทุกสิ่งทุกอย่างมาเป็นของเขาเอง ซึ่งก็ถือว่าเป็นความจริงที่โหดร้าย ที่ระบบทุนนิยมได้พรากธุรกิจที่เป็นทั้งความสุขและความฝันของสองพี่น้องนี้ไป แต่เราทุกคนก็ต้องยอมรับว่าเรื่องแบบนี้นั้น มันไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการธุรกิจหรืออะไรเลย ในเมื่อคร็อกคือผู้ที่กล้าลงทุน และยอมเสี่ยงที่จะเดิมพันทุกอย่างของเขาเพื่อให้ได้มา ก็ไม่แปลกอะไรที่วันหนึ่งมันจะกลายมาเป็นของเขา เพราะถ้าดิ๊กและแม็กเป็นคนคิด แล้วก็หยุดฝัน ทุกอย่างมันก็จบเพียงแค่จุดที่เขายืนอยู่ แต่ถ้าทั้งสองได้คิด ได้ทำ และได้ผลักดันให้ความคิดนั้นเดินหน้าให้ไกลออกไป พวกเขาก็คงจะกลายเป็นบุคคลที่น่าจดจำมากกว่าคร็อกอย่างแน่นอน

สุดท้ายนี้ คุณเองก็สามารถสัมผัสถึงความฝันที่ยิ่งใหญ่ของดิ๊กและแม็กได้ด้วยการไปเยี่ยมเยือน McDonald’s สาขาที่สามของประวัติศาสตร์ที่เมืองดาวนีย์ ที่ที่มีเหล็กโค้งสีเหลือง 2 อัน ถูกคิดค้นเป็นที่แรก และยังคงถูกรักษาไว้ และเป็นที่ที่ยังมีแค่ตัวมาสคอต Speedee เป็นสัญลักษณ์ เพราะว่าตัวตลก Ronald McDonald’s นั้นยังไม่ได้ถูกคิดค้นขึ้น ด้วยบรรยากาศแบบเก่าๆ และโครงสร้างของตัวร้านที่เป็นการปฏิวัติร้านอาหารแบบฟาสต์ฟู้ดเป็นที่แรกบนโลก และเป็นสัญลักษณ์ของการขโมยความฝัน ด้วยนักธุรกิจที่อยู่บนโลกแห่งความจริงที่ถือกรรมสิทธิ์ของสถานที่แห่งนี้ ที่ชื่อว่า เรย์ คร็อก หรือ ‘The Founder’

Tags: , , , ,