สุภาพบุรุษท่านหนึ่งเล่าปัญหาการลงทุนให้ผมฟัง เขาเล่าว่าเริ่มต้นศึกษาเรื่องการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ เมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว หลังจากนั้นเพียง 5 เดือน ก็ได้เป็นเจ้าของห้องคอนโดมิเนียม 3 ห้อง ทั้งหมดหาผู้เช่าได้ในเวลาไม่ถึง 1 เดือน ถึงวันนี้เขาปล่อยเช่าห้องมาแล้ว 4 เดือน มีเงินส่วนต่างจากค่าเช่าหักลบเงินผ่อนและค่าส่วนกลางเหลือเข้ากระเป๋าทุกเดือน

“แล้วเป็นปัญหายังไงครับ”​ ผมถาม

“ผมได้เงิน แต่ผมไม่มีความสุขกับมันเลย” เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ

เรื่องที่ฟังดูเหมือนเรียบง่าย แต่จริงๆ แล้วสมบุกสมบันกว่าที่เห็น หนึ่งในสามของคนเช่าย้ายออกในเดือนที่สาม และต้องหาผู้เช่าใหม่ ผู้เช่าที่ได้มาใหม่จ่ายเงินช้า ต้องตามต้องทวง แม้จะเก็บเงินได้ทุกเดือน ก็พานให้เหนื่อยใจเหลือเกิน เพราะเลตประจำ

ในขณะที่ผู้เช่าอีกสองรายจ่ายดี จ่ายตรงเวลา แต่เรื่องมาก ขอสารพัด ทำจนเขารู้สึกเหมือนเป็นคนใช้ ไส้กรองเครื่องกรองน้ำตัน เคเบิลใช้ไม่ได้ ก็โทรมาหาตลอด แม้จะดีใจที่มีทรัพย์สิน มีกำไรจากการลงทุนทุกเดือน แต่จนถึงวันนี้เขาเริ่มรู้สึกว่า ไม่มีความสุขกับการลงทุนเสียแล้ว

หลังจบเรื่องเล่า เขาถามผมว่า “โค้ชก็ทำอสังหาฯ ให้เช่า เคยเจอปัญหาพวกนี้ไหม และโค้ชรับมือกับมันยังไง”

ที่จริงใครทำบ้านเช่า หรือคอนโดฯ ให้เช่า ก็ต้องเคยเจอปัญหาเหล่านี้ด้วยกันทั้งนั้น ส่วนวิธีแก้นั้นก็ตรงไปตรงมา จ่ายช้าก็ทวง ของเสียก็แจ้งช่างซ่อม โทรมาหาก็รับสาย หรือพูดให้ง่ายก็คือ มีปัญหาก็แก้ไป ไม่เคยรู้สึกว่าเป็นเรื่องอะไรใหญ่โต

เจ้าความรู้สึกที่แตกต่างกันของคนสองคนต่อเครื่องมือการลงทุนตามที่เล่าให้ฟังข้างต้นนี้ ผมเรียกของผมเองว่า ‘จริต’​ ของการลงทุน

มันคืออะไร?…

ตั้งใจศึกษาหาข้อมูลแล้วลองดู วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด
ในการตรวจสอบ ‘เคมี’​ หรือ ‘จริต’​ ในการลงทุนของเรา

ปรัชญาการลงทุนกล่าวไว้ว่า ไม่ว่าจะลงทุนในทรัพย์สินใด คนที่จะประสบความสำเร็จในการลงทุนได้นั้นจำเป็นต้องรู้จัก 3 สิ่งต่อไปนี้ นั่นคือ

รู้จักเป้าหมาย – รู้จักเครื่องมือ – รู้จักตัวเอง

1. การรู้จักเป้าหมาย ทำให้เรามีความชัดเจนว่าเราต้องการอะไร ปลายทางความสำเร็จอยู่ตรงไหน ตัวอย่างก็เช่น ออมเพื่อการเกษียณอายุ ออมเพื่อสะสมเงินแต่งงาน หรือออมเพื่อสะสมเงินไว้เผื่อฉุกเฉิน เป็นต้น

2. การรู้จักเครื่องมือ ทำให้เราเลือกเครื่องมือได้สอดคล้องกับเป้าหมาย ระยะเวลา และใช้มันพาไปยังจุดหมายได้อย่างถูกต้องเหมาะสม

3. การรู้จักตัวเอง เข้าใจว่าตัวเองรับความเสี่ยงได้มากแค่ไหน เครื่องมือที่เราเลือกสอดคล้องกับตัวตนของเราหรือไม่ และที่สำคัญมันตรงกับจริตของเราหรือไม่นั่นเอง

เชื่อว่าสุภาพบุรุษท่านที่หลังไมค์มาคุยปรึกษากับผม น่าจะมีเป้าหมายของตัวเองชัดเจนเป็นอย่างดี และก็น่าจะรู้จักการลงทุนในคอนโดมิเนียมให้เช่าพอสมควร ทั้งในเรื่องวิธีการ ผลตอบแทน และความเสี่ยง ไม่อย่างนั้นก็คงทำกำไรจากมันไม่ได้

แต่ในกรณีนี้ สิ่งที่ทำให้เขาไม่มีความสุขกับการลงทุน น่าจะเป็นที่ ‘จริต’​ หรือ ‘เคมี’​ ของเขากับเครื่องมือลงทุน (ในที่นี้คืออสังหาริมทรัพย์) ที่ไม่ตรงกัน ผลลัพธ์ของการลงทุนจึงออกมาเป็นอย่างที่เห็น นั่นคือ ‘ได้เงิน แต่ไม่มีความสุข’

จากประสบการณ์ส่วนตัว ‘จริต’ ของการลงทุนนั้นต้องอาศัยการทำความเข้าใจในส่วนของ ค่านิยมส่วนบุคคล และธรรมชาติของตัวนักลงทุนเองและเครื่องมือ พิจารณาประกอบกัน

ค่านิยมส่วนบุคคล

หมายถึง ทัศนะส่วนบุคคลที่มีต่อสิ่งต่างๆ เรื่องราวต่างๆ รวมไปถึงการยกย่องหรือให้ค่าต่อสิ่งนั้น ยกตัวอย่างผมเองที่แม้จะเคยศึกษาและรู้ดีว่า การทำธุรกิจขายฝากที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ สามารถทำเงินได้เร็ว ทำให้รวยได้เร็ว และสามารถทำได้ไม่ยากเย็นเกินไป

แต่ถ้าจะให้ผมทำธุรกิจขายฝาก ผมก็คงทำไม่ได้ เพราะไม่กล้า และคงรู้สึกไม่ดี ถ้าจะต้องยึดที่ดินคนที่เขานำมาขายฝากเรา ในกรณีที่เขาหาเงินมาคืนตามกำหนดเวลาไม่ได้ เป็นต้น

หรืออย่างเพื่อนนักลงทุนหุ้นของผมคนหนึ่ง เขามีกติกาการลงทุนส่วนตัวว่า จะไม่ลงทุนในหุ้นกลุ่มบัตรเครดิต หรือธุรกิจกลุ่มที่เขารู้สึก (ค่านิยมส่วนตัว) ว่าเป็นธุรกิจมอมเมาประชาชน เป็นต้น (มันบอกว่าหุ้นมีตั้ง 500 ตัว ไม่ต้องลงทุนกลุ่มนี้มันก็รวยได้)

เมื่อเครื่องมือลงทุนขัดกับค่านิยมส่วนตัว การลงทุนประเภทนี้แม้จะทำเงินให้ ก็จะไม่สร้างความสุขให้เราไปโดยปริยาย

ธรรมชาติของการลงทุนและตัวนักลงทุนเอง

อธิบายให้ง่ายก็คือ แต่ละการลงทุนมีกระบวนการคิดและการทำงานที่แตกต่างกัน ซึ่งลักษณะเฉพาะดังกล่าวนั้น ก็อาจขัดกับธรรมชาติของตัวนักลงทุนเอง และส่งผลให้ไม่มีความสุขในการลงทุนได้

นึกภาพว่าถ้าจะลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ก็ต้องลงพื้นที่ มีทำดีลซื้อขาย ถ้าปล่อยเช่า ก็ต้องคอยดูแลผู้เช่า คอยจัดการปัญหาให้ ถ้าเป็นคนที่รู้สึกเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต รับมือได้ การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ก็ไม่ใช่เรื่องยาก

ตรงกันข้าม ถ้าเป็นคนที่ไม่นิยมการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน แล้วต้องมาคอยติดตามแก้ไขแก้ปัญหา การลงทุนในธุรกิจหรืออสังหาริมทรัพย์ก็อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับตัวตนของนักลงทุนคนนั้นสักเท่าไหร่

เพื่อนผมคนหนึ่งมีความฝันอยากเปิดร้านกาแฟและเบเกอรีมานาน พอทำงานเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง ก็กระโดดออกจากงานมาวิ่งตามหาความฝันของตัวเอง ลงมือทำไปได้สักพัก เธอเล่าให้ฟังเลยว่า เหนื่อยใจแทบขาด กับลูกค้าว่าทำให้ปวดหัวแล้ว ลูกน้องทำให้ปวดหัวได้มากกว่า กัดฟันทำอยู่สองปีเต็ม เงินก็ได้นะ ไม่ใช่ไม่ได้ แต่ใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะค้นพบตัวเองว่า ไม่มีความสุขกับการบริหารคน (ส่วนหนึ่งก็อาจเป็นปัญหาเรื่องระบบการบริหารจัดการด้วย)

หลังๆ พอมาเริ่มศึกษาการลงทุนในหุ้น เธอกลับรู้สึกสนุกมากขึ้น เพราะไม่ต้องบริหารจัดการตัวกิจการเอง เน้นค้นคว้า วิเคราะห์ และตัดสินใจซื้อขาย ทำงานบนโต๊ะ ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ ทั้งสบาย ทั้งได้ตังค์ สุดท้ายผันตัวมาเป็นนักลงทุนเต็มตัว และขายกิจการร้านกาแฟให้คนอื่นไป

นี่คือผลของจริตการลงทุนกับตัวตนของเรา …

ถ้าอยากประสบความสำเร็จในการลงทุน
นอกเหนือไปจากการเรียนรู้และทำความเข้าใจเครื่องมือการลงทุนแล้ว
อย่าลืมเช็กจริตของทั้งเครื่องมือและตัวคุณเอง

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า จริตของเราตรงกับการลงทุนประเภทไหน?

ตอบแบบกำปั้นทุบดินว่า ไม่มีทางอื่น นอกจากตั้งใจศึกษาหาข้อมูลแล้วลองดู วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการตรวจสอบ ‘เคมี’​ หรือ ‘จริต’​ ในการลงทุนของเรา เทียบกับเครื่องมือลงทุนชนิดต่างๆ

เข้าไปเรียน เข้าไปลอง เริ่มจากหนังสือ อินเทอร์เน็ต YouTube คอร์สสัมมนา แล้วเริ่มลงทุนในสเกลที่ไม่ทำให้ชีวิตวิบัติ ค่อยๆ เรียน ค่อยๆ รู้ ค่อยๆ ปรับเพิ่มสเกลการลงทุน เมื่อมั่นใจว่า เป็นการลงทุนที่ตอบโจทย์เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ และไม่ขัดแย้งกับจริตของตัวเองก็ลุยเต็มกำลัง

แล้วถ้าลองโน่นนี่นั่นเต็มไปหมด แล้วไม่เจอสิ่งที่ตรงกับจริตตัวเองล่ะ?

ก็คงมีอยู่สองอย่างครับ นั่นคือ

1) อาจไม่มีการลงทุนอะไรเลยเหมาะกับคุณจริงๆ (ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้) เพราะอย่างน้อยสิ่งที่คุณชอบและพอทำธุรกิจได้ ก็น่าจะตอบโจทย์ในข้อนี้

หรือ 2) คุณเองเป็นคนไม่ได้เรื่อง ทำอะไรหยิบหย่ง เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ซึ่งถ้าเป็นอย่างหลังนี้ ทำอะไรก็คงไม่สำเร็จเป็นแน่
สุดท้ายก่อนจากกัน ย้ำถึงนักลงทุนทุกคน ถ้าอยากประสบความสำเร็จในการลงทุน นอกเหนือไปจากการเรียนรู้และทำความเข้าใจเครื่องมือการลงทุนแล้ว อย่าลืมเช็กจริตของทั้งเครื่องมือและตัวคุณเองด้วยว่าตรงกันหรือไม่ เพื่อจะได้ทำให้เส้นทางสู่ความมั่งคั่งของคุณ ทั้งทำเงินได้ และมีความสุขไปพร้อมๆ กัน

ขอให้คุณผู้อ่านทุกคนค้นพบการลงทุนที่ใช่ และรวยทรัพย์ รวยสุข กันทุกคนนะครับ

ภาพประกอบ: NOLA NOLEE

Tags: