เว็บไซต์ The Verge ได้รายงานว่า กลุ่มสตาร์ทอัพผู้ผลิตรถยนต์จากจีน NextEV ได้เปิดตัวซีรีส์รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลก ‘the NIO EP9’ ที่อาร์ตแกลเลอรี ณ กรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา จากการทำสถิติใหม่ วิ่งครบรอบสนามแข่งรถในตำนานอย่าง Nürburgring Nordschleife ในสนาม ‘Green Hell’ ที่ระยะทาง 20.8 กิโลเมตร (12.9 ไมล์) ได้ภายในเวลาเพียง 7 นาที 5.12 วินาที!

NIO EP9 ถูกออกแบบมาให้มีความโก้หรูแบบจัดเต็ม ด้วยวงล้อขนาดใหญ่ ตัวรถที่สวยเงางาม ช่องไฟหน้าขนาดเล็ก และทรงบั้นท้ายของรถที่ยื่นออกมาให้อารมณ์เดียวกับรถของ McLaren

ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 312 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ลองจินตนาการว่าคุณสามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดตราดได้ภายในระยะเวลา 1 ชั่วโมงสิ! (กรุงเทพ-ตราด: ระยะทาง 312 กม.) แม้จะฟังดูเวอร์เกินความเป็นจริงไปหน่อย แต่ในอนาคตก็อาจจะเป็นไปได้ก็ได้

กลุ่มสตาร์ทอัพจากจีนรายนี้ค่อนข้างให้ความสำคัญกับความเร็วและประสิทธิภาพของเจ้า NIO EP9 อยู่พอสมควร ด้วยมอเตอร์ประสิทธิภาพสูงในตัวเครื่องจำนวน 4 ตัว, เกียร์ 4 กระปุก ทำให้ซูเปอร์คาร์คันนี้สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (0-124 ไมล์ต่อชั่วโมง) ได้ภายในระยะเวลาเพียง 7.1 วินาที และสามารถทำอัตราความเร็วสูงสุดได้ถึง 313 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (194 ไมล์ต่อชั่วโมง) พร้อมกับระบบแบตเตอรีของรถที่สามารถเปลี่ยนได้ ทั้งนี้ต่อการชาร์จแบตฯ ในระยะเวลา 45 นาที รถสามารถวิ่งได้มากกว่า 427 กิโลเมตร หรือประมาณ 265 ไมล์เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับ Tesla Model X ประสิทธิภาพของ NIO EP9 ก็ดูจะเป็นรองอยู่เล็กน้อย เมื่อ Model X จากฝั่ง Tesla สามารถวิ่งได้ต่อเนื่องถึง 507 กิโลเมตร และทำอัตราเร่งจาก 0-96 กิโลเมตรได้ที่ 2.5 วินาทีเท่านั้น ขณะที่ NIO EP9 สามารถวิ่งได้ต่อเนื่องกันที่ 427 กิโลเมตร และทำอัตราเร่งจาก 0-96 กิโลเมตรได้ที่ 2.7 วินาที ทั้งนี้เราคงไม่สามารถชี้วัดประสิทธิภาพของรถจากทั้งสองค่ายได้ด้วยชุดตัวเลขดังกล่าว จนกว่าทั้งสองคันจะลงประชันกันที่ ‘Green Hell’

NextEV ผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหน้าใหม่ที่หวังต่อกรเทสลา?

NextEV คือหนึ่งในคลื่นลูกใหม่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่หวังจะต่อกรกับเทสลา ผู้นำในตลาดนี้ โดยมีแบรนด์อย่าง Faraday Future, LeEco, Lucid Motors และ Fisker Karma (ที่ตอนนี้กำลังล้มละลาย) แต่ไม่ว่าใครก็ตามที่หวังจะดึงเทสลาและอีลอน มักส์ลงมาจากบัลลังก์ พวกเขาก็คงต้องงัดความสามารถทางการขายของตัวเองออกมาใช้เป็นพิเศษกันหน่อย (ข้อมูลจากบริษัท Tesla Motors  ระบุว่า ตลอดทั้งปี 2015 ที่ผ่านมา พวกเขาสามารถจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าของตัวเองได้มากกว่า 50,580 คัน)

ตอนนี้กลยุทธ์ของ NextEV ยังไม่มีความแน่ชัดสักเท่าไหร่ ว่าพวกเขาจะเน้นจับตลาดกลุ่มแมสเพื่อตอบรับกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป หรือจะกระโดดไปเล่นตลาดรถซูเปอร์คาร์สุดหรูที่อาจจะได้ยอดขายน้อยกว่า แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเริ่มต้นด้วยการทำตัวเองให้เป็นแบรนด์ที่ผลิตซูเปอร์คาร์จำนวนจำกัด เพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่ตลาด ยังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า NextEV จะใช้กลยุทธ์ใดในการยึดครองตลาดนี้

วิลเลียม ลี ประธานบริษัท NextEV กล่าวว่า “พวกเราเชื่อว่า เมื่อเจ้าของรถยนต์มีประสบการณ์มากกว่าความคาดหวัง รถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะกลายเป็นทางเลือกธรรมชาติสำหรับคนทุกคน และจะนำไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนกว่า”

ความตั้งใจของลีคือการมุ่งหวังที่จะวัฒนาโลกให้เข้าสู่ยุคแห่งรถยนต์ไร้คนขับอย่างเต็มรูปแบบในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งพวกเขาก็ขยับเข้าไปใกล้เป้าหมายที่ว่ามากขึ้นเรื่อยๆ แล้วเช่นกัน เพราะในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา NextEV ได้รับอนุญาตจากกรมยานยนต์แคลิฟอร์เนีย (California DMV) ในการทดลองวิ่งรถไร้คนขับบนท้องถนนสาธารณะ โดยฝั่งผู้ผลิตจากจีนได้กล่าวว่า “ฟีเจอร์อีคอนโทรลและแผนผังระบบเซ็นเซอร์ในตัวรถ NIO EP9 จะช่วยเบิกร่องให้กับระบบรถยนต์ไร้คนขับในอนาคตได้เป็นอย่างดี”

จีน = ผู้เล่นคนสำคัญคนใหม่ในตลาดเทคโนโลยีโลก?

ตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา จีนถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตทางเทคโนโลยีรายใหม่ที่เรียกได้ว่ามาแรงพอสมควรในตลาดสายนี้ หลายๆ บริษัทในจีนเริ่มต้นโมเดลด้วยการเป็นฐานการผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีให้กับบริษัทอื่นๆ จากทั่วทุกมุมโลกมาก่อน กระทั่งปัจจุบัน พวกเขาสามารถพัฒนาตัวเองขึ้นมาเป็นผู้เล่นคนสำคัญในวงการเทคโนโลยีได้เป็นจำนวนมาก วัดได้จากค่ายผู้ผลิตมือถือในประเทศจีนที่เกิดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ทั้ง Oppo, Huawei, Xiaomi, Lenovo ฯลฯ น่าสนใจว่าสำหรับตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแล้ว บริษัท NextEV จากจีนรายนี้จะพาตัวเองเข้าไปอยู่ ณ จุดใด เพราะการเปิดตัวรถยนต์ NIO EP9 ของพวกเขาว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลกก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ค่อนข้างดี นับเป็นการสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้บริโภคได้พอสมควร รวมถึงสร้างแรงสั่นสะเทือนให้เจ้าพ่อเทคโนโลยีอย่าง อีลอน มักส์ และเทสลาได้ไม่มากก็น้อย

เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่ NextEV, Huawei หรือแบรนด์เทคโนโลยีจากจีนแบรนด์อื่นๆ ควรจะให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการพัฒนาเทคโนโลยี คือการเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคถึงคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าที่ได้รับการยกระดับแล้ว เพราะที่ผ่านมาสินค้าจากจีนมักจะถูกตีตราว่าเป็นสินค้าด้อยมาตรฐาน เสี่ยงที่จะเกิดปัญหาและชำรุดได้ง่ายที่สุด แม้ว่าปัจจุบันคุณภาพในการผลิตสินค้าจากจีนจะได้รับการยกระดับมากขึ้นแล้วก็ตาม แต่ชุดความคิดดังกล่าวก็ยังคงเข้าไปเกาะติดกับความเชื่อของคนส่วนใหญ่อยู่ดี

หากเหล่าผู้ผลิตเทคโนโลยีจากจีนและผู้บริโภคสามารถก้าวผ่านกำแพงแห่งความไม่ไว้ใจในตัวสินค้าได้ เมื่อนั้นโลกแห่งเทคโนโลยีคงจะคึกคัก ไร้พรมแดน และสนุกสนานมากขึ้นหลายเท่าตัว!

 

อ้างอิง:
     – http://www.theverge.com/2016/11/21/13698130/nextev-ep9-electric-supercar-world-fastest
– http://bgr.com/2016/01/03/tesla-model-s-sales-2015
– http://fortune.com/2016/10/13/nextev-valley-grand-opening
– 
http://en.wikipedia.org/wiki/NextEV_Formula_E_Team

FACT BOX:

วิลเลียม ลี (William Li) ก่อตั้ง NextEV บริษัทสตาร์ทอัพจากจีนขึ้นมาด้วยความตั้งใจแรกที่จะผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าไร้คนขับเพื่อขายผู้บริโภคในจีนเท่านั้น ก่อนที่จะขยายฐานกลุ่มเป้าหมายไปทั่วโลก โดยก่อนหน้านี้เจ้าตัวเคยมีบริษัทขายรถออนไลน์ชื่อ BitAuto มาก่อน

ลีตั้งใจที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเนื่องจากเป็นห่วงเรื่องปัญหามลพิษทางอากาศที่ลูกของเขาทั้งสองคนต้องสูดดมในกรุงปักกิ่ง

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นสตาร์ทอัพมาก่อน แต่ NextEV ก็มีกลุ่มทุนรายใหญ่หนุนหลังเป็นจำนวนมาก ไล่ตั้งแต่ Tencent, Temasek, Sequoia Capital, Lenovo, TPG และอื่นๆ อีกมากมาย

 

DID YOU KNOW?

นอกจากจะพัฒนาซุปเปอร์คาร์พลังงานไฟฟ้าแล้ว NextEV ยังมีทีมแข่งรถพลังงานไฟฟ้า NextEV Formula E Team เป็นของตัวเองอีกด้วย โดยทำการลงแข่งขันในรายการ FIA Formula E Championship ที่เปิดโอกาสให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าลงแข่งเท่านั้น ซึ่งจัดการแข่งขันเป็นครั้งแรกในปี 2014 ที่กรุงปักกิ่ง และแชมป์ทีมแรกของรายการก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เมื่อ Nelson Piquet, Jr. นักแข่งชาวบราซิลจากทีม NextEV Formula E Team เป็นผู้คว้าชัยในรายการดังกล่าวไปครอง