หลังจากที่ นินเทนโด (Nintendo) ค่ายผู้ผลิตเกมยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นได้ประกาศปล่อยเกม ‘Super Mario Run’ ลงบนแพลตฟอร์มสมาร์ตโฟนเป็นครั้งแรกบนระบบปฏิบัติการ iOS ในวันนี้ (15 ธันวาคม และในอนาคตจะมีการขยายไปสู่ระบบปฏิบัติการอื่น) พวกเขาก็เรียกเสียงฮือฮาได้พอสมควร

จริงอยู่ มาริโอ คือคาแร็กเตอร์มาสคอตประจำค่ายที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก วัดได้จากการมีโอกาสไปปรากฏตัวในเกมต่างๆ มากกว่า 200 เกม หรือจำนวนยอดขายเกมในตระกูลที่มีมากถึง 528.5 ล้านชุด สูงที่สุดในสถิติวงการเกม

แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้การเคลื่อนไหวของนินเทนโดในครั้งนี้ได้รับการจับตามองเป็นพิเศษ คือการกระโจนเข้ามาจับตลาดเกมสมาร์ตโฟนเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของบริษัท ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พวกเขาตั้งมั่นที่จะผลิตเกมคอนโซลตั้งโต๊ะ หรือเครื่องเล่นพกพามาโดยตลอด

ทำไมค่ายผู้ผลิตเกมยักษ์ใหญ่อย่างพวกเขาต้องหันมาทำอะไรแบบนี้ด้วย? พวกเขากำลังวางแผนจะทำอะไรกันแน่?

ภายในปี 2019 เกมสมาร์ตโฟน-แท็บเล็ตจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดแซงหน้าทุกๆ แพลตฟอร์มเป็นอันดับ 1
โดยเครื่องเล่นเกมพกพาจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดน้อยที่สุดเพียง 1-2% เท่านั้น

Photo: Newzoo

ความนิยมที่ถดถอยของเครื่องเล่นพกพา

จำได้ไหมครับว่าครั้งล่าสุดที่ได้เล่นเครื่องเล่นพกพา ‘Game Boy’ หรือเครื่องเล่นพกพาในตระกูลของนินเทนโดรุ่นอื่นๆ คือเมื่อไหร่?

หรือครั้งสุดท้ายที่ไล่จับโปเกมอน หรือสวมบทบาทมาริโอ กระโดดโหม่งอิฐเก็บเหรียญและเห็ดในเครื่องเล่นพกพาละครับ พอจะจำได้หรือเปล่า? คงปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าความล้ำหน้าของเทคโนโลยีเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกมสมาร์ตโฟนเข้ามาทดแทน Portable Consoles ได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ

จากการเปิดเผยข้อมูลด้านยอดขายเครื่องเล่นพกพาตระกูลนินเทนโดพบว่า เครื่องเล่นพกพาที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งของค่ายคือ Nintendo DS (2004) ที่มียอดขายรวม 154.02 ล้านเครื่อง ขณะที่อันดับสองตกเป็นของ Game Boy (1989) และ Gameboy Color (1998) กับยอดขายรวม 118.69 ล้านเครื่อง

แต่หากวัดจากยอดขายช่วง 2 ปีหลังสุด ดูท่าว่าเครื่องเล่นพกพาของพวกเขาจะได้รับความนิยมน้อยลง ทั้ง Nintendo 2DS (2014) ที่มียอดขายรวมเพียง 4.93 ล้านเครื่อง หรือในปี 2015 กับ Nintendo 3DS และ Nintendo 3DS XL ที่ขายได้เพียง 1.85 ล้านเครื่อง และ 6.3 ล้านเครื่องตามลำดับเท่านั้น

Newzoo หน่วยงานที่ทำการรวบรวมข้อมูลในวงการเกมเปิดเผยข้อมูลคาดการณ์ส่วนแบ่งทางการตลาดวงการเกมปี 2016 ว่า เครื่องเล่นแบบพกพาจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดแค่ 2% ขณะที่เกมสมาร์ตโฟน-แท็บเล็ตมีส่วนแบ่งมากกว่า 37% ทั้งยังคาดการณ์ล่วงหน้าอีกด้วยว่า ภายในปี 2019 เกมสมาร์ตโฟน-แท็บเล็ตจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดแซงหน้าทุกๆ แพลตฟอร์มเป็นอันดับ 1 โดยเครื่องเล่นเกมพกพาจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดน้อยที่สุดเพียง 1-2% เท่านั้น

ถึงแม้จะเป็นแค่ข้อมูลคาดการณ์ แต่สิ่งนี้น่าจะเป็นสัญญาณชี้วัดถึงความสั่นคลอนของวงการเกมพกพาได้เป็นอย่างดี และดูเหมือนว่าฝั่งนินเทนโดก็ค่อนข้างจะจมูกไวด้วยเช่นกัน

Photo: Newzoo

 

ในช่วงปี 2014 นินเทนโดก็ได้เห็นถึงผลกระทบของการเติบโตอุตสาหกรรมมือถือ
ที่มีต่อเครื่องเล่นเกมพกพาของพวกเขา กับรายได้ที่อันตรธานไปกว่า 240 ล้านเหรียญสหรัฐ

 

Photo: Nintendo

โปเกมอน โก-ซูเปอร์ มาริโอ รัน การหยั่งเชิงตลาด ความหวังใหม่และการเดิมพันความเสี่ยงครั้งยิ่งใหญ่ของนินเทนโด

แม้เกมมือถือ โปเกมอน โก (Pokémon Go) ที่ถูกปล่อยในช่วงเดือนกรกฎาคม 2016 จะมี Niantic ค่ายผู้พัฒนาเกมมือถือจากอเมริกาเป็นผู้ดูแลหลัก แต่ในฐานะผู้ถือลิขสิทธิ์ตัวละคร โปเกมอน โก ก็กลายเป็นแนวทางในการทดลองตลาดเกมมือถือชั้นดีของนินเทนโด ทั้งยังช่วยให้พวกเขาได้เห็นอิทธิพลของแพลตฟอร์มนี้อย่างแจ่มแจ้ง

ข้อมูลที่น่าสนใจระบุว่า ทันทีที่ตัวเกม โปเกมอน โก ถูกปล่อยในวันที่ 7 กรกฎาคม ราคาหุ้นของนินเทนโดที่เคยซบเซาก็พุ่งสูงถึง 10% และภายในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ ราคาหุ้นก็บินทะยานไปมากกว่า 50% สร้างความแปลกใจให้กับพวกเขาเป็นอย่างมาก

ชิเงรุ มิยาโมโตะ (Shigeru Miyamoto) ดีไซเนอร์เกมคนดังและผู้สร้างมาริโอเล่าว่า “กลยุทธ์การบุกตลาดมือถือแรกของพวกเรา คือการนำตัวละครของนินเทนโดทั้งหลายไปสู่ผู้คนจำนวนมาก แต่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับ โปเกมอน โก กลับทำให้พวกเราประหลาดใจ เมื่อมันกลายเป็นการดึงแฟนๆ ทั้งหลายให้กลับมาหาพวกเรา”

เป็นที่เชื่อกันว่านินเทนโดได้ซุ่มพัฒนาเกมมือถือมาตั้งแต่ปี 2010 แล้ว แต่ ซาโตรุ อิวาตะ (Satoru Iwata) ประธานบริษัทนินเทนโดในเวลานั้นกลับมองว่า การพัฒนาเกมมือถือจะทำให้นินเทนโดสูญเสียอัตลักษณ์ของตัวเอง

“นี่ถือเป็นช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตายนินเทนโดอย่างแท้จริง (การบุกตลาดเกมมือถือ)
เพราะหากมาริโอบรรลุภารกิจนี้ไม่สำเร็จ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวละครตัวไหนจะทำได้ดีกว่าเขา”

ในช่วงปี 2014 นินเทนโดก็ได้เห็นถึงผลกระทบของการเติบโตอุตสาหกรรมมือถือที่มีต่อเครื่องเล่นเกมพกพาของพวกเขา กับรายได้ที่อันตรธานไปกว่า 240 ล้านเหรียญสหรัฐ เหตุการณ์นี้จึงทำให้ทัศนคติของอิวาตะค่อยๆ เปลี่ยนไป นินเทนโดจึงเริ่มจับมือกับผู้พัฒนาซอฟต์แวร์มือถืออย่าง DeNA เพื่อเปิดทางพวกเขาไปสู่ตลาดเกมมือถืออย่างจริงจังมากขึ้น

เดือนกันยายนปี 2016 ชิเงรุ มิยาโมโตะได้ประกาศกลางงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของ Apple ว่านินเทนโดจะปล่อยเกมมาริโอลงบนระบบปฏิบัติการ iOS เป็นที่แรก และทันทีที่วันวางแผงของเกมได้ถูกประกาศออกไปในช่วงพฤศจิกายน หุ้นของบริษัทก็พุ่งขึ้นสูงกว่า 2.8% นับเป็นนิมิตหมายอันดีในการเอาฤกษ์เอาชัยของพวกเขากับการบุกตลาดเกมมือถือเป็นครั้งแรก และยังเป็นการจุดประกายแห่งความหวังครั้งใหม่ให้กับบริษัท

อย่างไรก็ตาม ทุกการเดิมพันย่อมมีความเสี่ยง เมื่อ โยชิโอะ โอซากิ (Yoshio Osaki) ประธานบริษัท IDG ที่ให้บริการข้อมูลวิจัยสำหรับบริษัทเกมก็ได้กล่าวเชิงติดเบรกนินเทนโดว่า “นี่ถือเป็นช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตายนินเทนโดอย่างแท้จริง (การบุกตลาดเกมมือถือ) เพราะหากมาริโอบรรลุภารกิจนี้ไม่สำเร็จ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวละครตัวไหนจะทำได้ดีกว่าเขา”

ก่อนหน้านี้พวกเราหนีสมาร์ตโฟนมาตลอด เพราะเชื่อว่าตัวเองยังไม่มีศักยภาพมากพอ
แต่ในเวลานี้ โอกาสที่ผู้บริโภคจะได้ใกล้ชิดกับเราด้วยสมาร์ตโฟนดูจะเป็นไปได้มากกว่าเครื่องเล่นเกมของพวกเราเสียอีก

Photo: Nintendo

 

ก้าวต่อไป และแผนการในอนาคตของนินเทนโด

ดูเหมือนว่าแผนการหลังจากการปล่อย Super Mario Run ในปลายปีนี้ของนินเทนโดน่าจะเริ่มทวีคูณความดุดันขึ้นเรื่อยๆ ทั้งก้าวแรกในการบุกตลาดเกมมือถือ, การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของบริษัท กับเครื่องเล่นเกมพกพา หรือแนวทางที่จะเกิดขึ้นต่อไปกับ Nintendo Switch เครื่องเล่นเกมคอนโซลพกพาแบบไฮบริดที่พวกเขาจะวางขายอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคมปี 2017 นี้

ยิ่งไปกว่านั้นในปี 2020 พวกเขายังวางแผนที่จะเปิดตัวสวนสนุกในธีม Super Nintendo World ที่ยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ (Universal Studios) ในโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่นเป็นที่แรก เพื่อให้ทันต้อนรับเทศกาลโอลิมปิกที่ญี่ปุ่นจะรับหน้าที่ปูเสื่อเป็นเจ้าภาพอีกด้วย

ชิเงรุ มิยาโมโตะ กล่าวเพิ่มเติมถึงการบุกตลาดเกมมือถือในครั้งนี้ไว้ด้วยว่า “ก่อนหน้านี้พวกเราหนีสมาร์ตโฟนมาตลอด เพราะเชื่อว่าตัวเองยังไม่มีศักยภาพมากพอ แต่ในเวลานี้ โอกาสที่ผู้บริโภคจะได้ใกล้ชิดกับเราด้วยสมาร์ตโฟนดูจะเป็นไปได้มากกว่าเครื่องเล่นเกมของพวกเราเสียอีก”

ครั้งหนึ่งเขายังได้ให้สัมภาษณ์กับ The Verge เชิงยอมรับว่า ในอนาคตนินเทนโดและเครื่องเล่นพกพาอาจจำต้องบอกลาจากกัน “ผมหวังว่าผู้คนจะยังคงจำกันได้นะว่านินเทนโดเริ่มต้นจากจุดไหน” ก่อนที่เจ้าตัวจะหัวเราะออกมาและกล่าวเพิ่มเติมว่า “และผมยังคงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า วันหนึ่งผู้คนที่ได้มองย้อนกลับมายัง วี ยู (Wii U) จะนึกขึ้นได้ว่า ‘ว้าว ผมจำได้นะว่านินเทนโดสร้างมันขึ้นมา แล้วดูสิ่งที่พวกเขาได้ทำในตอนนี้สิ’ ”

ไม่แน่ว่าในอนาคต เราทุกคนอาจจะได้มีโอกาสเล่นเกมดังของนินเทนโดอย่าง Zelda, Fire Emblem หรือแม้แต่ซีรีส์เกมโปเกมอนเวอร์ชันเต็มๆ ในโทรศัพท์มือถือก็เป็นไปได้

หากมีคำกล่าวที่ว่า ‘ผู้ที่ปรับตัวได้ดีที่สุดในทุกสถานการณ์จะกลายเป็นผู้ที่เหลือรอดและยืนหยัดเป็นคนสุดท้าย’

สถานการณ์ของค่ายเกมยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นรายนี้ก็ดูจะเข้าข่ายนิยามดังกล่าวไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว

Photo: Nintendo

อ้างอิง:
     – https://en.wikipedia.org/wiki/Nintendo_video_game_consoles
– https://cdn2.hubspot.net/hubfs/700740/Reports/Newzoo_Free_2016_Global_Games_Market_Report.pdf
– http://static1.gamespot.com/uploads/original/1333/13335885/2935021-0921111363-29302.jpg
– https://www.nintendo.co.jp/ir/library/historical_data/pdf/consolidated_sales_e1603.pdf
– https://newzoo.com/insights/articles/global-games-market-reaches-99-6-billion-2016-mobile-generating-37/
– http://www.reuters.com/article/us-nintendo-stocks-idUSKCN0ZO059
– http://www.bbc.com/news/business-36791275
– https://en.wikipedia.org/wiki/Super_Mario_Run
– http://www.wsj.com/articles/super-mario-run-signals-new-era-for-nintendo-1481175000
– http://www.theverge.com/2016/12/8/13878378/super-mario-run-iphone-nintendo-shigeru-miyamoto-interview
– https://en.wikipedia.org/wiki/Pok%C3%A9mon_Go
– http://www.theverge.com/2016/12/12/13917478/super-nintendo-world-theme-park-date-location

Tags: , , , , , , ,