7 เมษายน วันที่ชาวไทยสายบริทแทบทุกคนกาปฏิทินไว้ว่าจะมาปรากฏกายที่ราชมังคลากีฬาสถานเพื่อเป็นสักขีพยานในการแสดงอันเยี่ยมยอดของวง Coldplay

บัตรถูกกระหน่ำซื้อตั้งแต่วันแรกๆ ของการเปิดขายแม้จะเปิดการแสดงในที่ที่มีความจุกว่าหกหมื่นที่นั่ง

นั่นน่าจะเป็นหลักฐานที่ดีว่าการแสดงของพวกเขาเป็นที่เฝ้ารอของแฟนเพลงชาวไทยแค่ไหน ถึงแม้นี่จะไม่ใช่การมาเยือนครั้งแรกแต่มันก็เป็นการมาในช่วงที่พีคที่สุดของวง จึงเป็นโชคดีของพวกเราครับที่ได้ชมการแสดงในรูปแบบ Stadium Setting ซึ่งเต็มไปด้วยแสงสีระดับเทพเจ้า

ตัวผมเองถึงแม้จะไม่ได้อินกับเพลงของพวกเขาในยุคหลัง แต่ก็ชื่นชอบเพลงยุคแรกมากพอจนรู้สึกดีใจอย่างยิ่งเมื่อทาง Warner Music Thailand ให้โอกาสไปร่วมสัมภาษณ์สมาชิกของวง 2 ท่านด้วยกัน นั่นก็คือคุณ Guy Berryman มือเบสที่หล่อลากดิน (ตามคำคร่ำครวญของสตรีผู้ร่วมสัมภาษณ์) และมือกลองที่น่ารักซึ่งเคยไปปรากฏตัวอยู่ในฉาก Red Wedding ของซีรีส์ Game of Thrones อย่างคุณ Will Champion

เมื่อ rythm section (กลองกับเบส) หรือพูดง่ายๆ ก็คือกระดูกสันหลังของวงกำลังจะมานั่งให้ผมพูดคุยถึงประเทศไทย แน่นอนครับ โอกาสแบบนี้ ผมไม่ยอมพลาดเด็ดขาด!

บ่ายสองโมงครึ่งคือเวลาที่คุณนุช ทีมงานของ Warner Music Thailand นัดผมให้ไปถึงจุดนัดพบ พร้อมกับแนะนำผู้ร่วมกลุ่มอีก 3 ท่านให้ได้รู้จัก เพราะการสัมภาษณ์ครั้งนี้จะเป็นการพูดคุยแบบ Round Table นั่นก็คือเข้าสัมภาษณ์พร้อมกัน 4 คนจาก 4 สำนักสื่อ ซึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำใหัการสัมภาษณ์สนุกได้ก็คือความเข้าขานี่แหละครับ

นับเป็นโชคดีที่อีก 3 ท่านที่ผมต้องสัมภาษณ์ร่วมคือคุณมิวส์ จาก a day BULLETIN ซึ่งรู้จักกันอยู่แล้ว, คุณกอล์ฟ จาก Billboard Magazine ซึ่งเคยได้เจอและทักทายกันในสายงานหลายต่อหลายครั้ง ส่วนอีกหนึ่งท่านคือคุณโน้ต Dudesweet ซึ่งเก่งและเป็นคนที่ผมนับถือในความเก่งอยู่แล้ว แล้วนี่ยังเป็นการกลับมาสัมภาษณ์ศิลปินเองของคุณโน้ตในรอบหลายปีอีกด้วย

เราทั้ง 4 เดินตามน้องนุชไปด้านหลังของสนาม ขึ้นบันไดไป 4 ชั้น จนมาถึงจุดที่อยู่หลังเวที ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องรับรองหลายห้อง นุชแจ้งว่า Guy และ Will จะสลับกันเข้ามาทีละคน โดยมีเวลาให้สัมภาษณ์คนละ 15 นาที (หรือน้อยกว่านั้นตามแต่อารมณ์ของผู้จัดการวง) ไม่มีปัญหาครับ เราทั้ง 4 เตี๊ยมลำดับการถามไว้ก่อนคร่าวๆ และพูดคุยกันต่อเพลินๆ จน Guy Berryman มือเบสของวงเดินเข้ามาในห้องแล้วนั่งลงที่โต๊ะ การสัมภาษณ์ก็ได้เริ่มต้นขึ้น

การอยู่บนเวทีคอนเสิร์ตและทำสิ่งเดิมๆ มากว่า 20 ปีทำให้คุณเบื่อบ้างหรือไม่

: ไม่เคยครับ ไม่ใช่แค่ไม่เคยนะ ผมสนุกกับมันมากขึ้นทุกวัน จริงอยู่มันจะมีช่วงที่น่าเบื่อกับอะไรซ้ำๆ บ้าง แต่การเดินทางรอบโลกเพื่อเล่นดนตรีต่อหน้าคนดูที่รักเพลงของเรามันเป็นสิ่งที่น้อยคนจะมีโอกาสสัมผัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เราได้เดินทางไปเล่นในประเทศที่เราไม่เคยไปมาก่อน และประเทศที่เราไม่ได้มาเยี่ยมเยียนเนิ่นนานแล้วอย่างประเทศไทย

ยังตื่นเต้นทุกครั้งที่ขึ้นคอนเสิร์ตหรือเปล่า

: แน่นอน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี เป็นความรู้สึกที่ไม่อยากให้มันหายไป ตื่นเต้นแต่ไม่ตื่นตูมเอาอย่างนี้ดีกว่า เราซ้อมกันเป๊ะ จนมั่นใจว่าจะไม่มีความผิดพลาดในด้านของดนตรี แต่เสียงโห่ร้องของแฟนๆ ยังทำให้ผมตื่นเต้นได้เสมอ

มีสิ่งไหนที่ต้องทำเป็นประจำก่อนขึ้นและหลังลงจากเวทีไหม

: ไม่มีครับ ใส่เสื้อใส่ผ้าแล้วลุย

การเลือกเพลงที่จะเล่น

: โชคที่ดีเรามีเพลงมากพอที่จะเลือกได้อย่างสบายๆ ประเด็นหลักเลยก็คือเราจะเลือกเพลงที่แฟนๆ ต้องการฟังให้เยอะไว้ก่อน แน่นอนว่าบางครั้งเราก็ยัดเพลงที่ไม่ดังแต่เราอยากเล่นลงไปเป็นเพลงที่ 7-8 ในโชว์บ้าง คนอาจจะไม่รู้จักเท่ากับเพลงที่ถูกตัดเป็นซิงเกิล แต่ก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะเล่นมันให้ดีจนคนกลับบ้านไปหยิบซีดีขึ้นมาเปิดฟังแล้วบ่นกับตัวเองว่า “พลาดเพลงนี้ไปได้ยังไงวะ?” แต่อย่างที่บอกครับ เราเล่นเพื่อแฟนๆ และเราเลือกเพลงเพื่อแฟนๆ

อยากร่วมงานกับใครในอนาคต

: อันนี้ยากแฮะ มีนักดนตรีหน้าใหม่เก่งๆ โผล่ขึ้นมาแทบทุกวัน อืม… ผมชอบทำงานกับ Brian Eno (โปรดิวเซอร์ระดับตำนาน) และอยากทำงานกับเขาอีกเรื่อยๆ Nile Rodgers มือกีต้าร์วง Chic ที่ไปเล่นให้กับ Daft Punk ก็เจ๋ง และการทำงานกับโปรดิวเซอร์สายอีเล็กทรอนิกส์อย่างพี่น้อง Disclosure ก็น่าสนใจ พวกเขาคือนักดนตรีที่เจ๋งที่สุดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ผมสามารถนั่งไล่ชื่อศิลปินที่อยากร่วมงานด้วยได้อีกทั้งคืนเลยนะ มีอีกเพียบ แต่สิ่งที่อยากทำต่อไปคืออะไรที่น้อยๆ ง่ายๆ ก็เลยว่าจะพักเรื่องการฟีเจอริงไว้ก่อน… ซึ่งไม่แน่ใจว่าเพื่อนร่วมวงจะเอาด้วยหรือเปล่า

เป้าหมายต่อไปของวง

: เราโชคดีมากๆ ที่ได้ทำฝันหลายๆ อย่างให้เป็นจริง เราได้รางวัลมากมาย เราได้เล่นเป็นวงเฮดไลน์ที่ Glastonbury ทุกอย่างมันมาจากการไม่ตั้งเป้าหมาย เพราะเรามาได้ไกลเกินที่เราคาดคิดเสมอ จากเพื่อนสมัยเด็กที่เล่นดนตรีกันง้องๆแง้งๆ จนมาได้เจอคริส เจอจอห์นนี เจอวิลล์ ได้ทัวร์รอบโลกและทำทุกอย่างที่ไม่กล้าแม้แต่จะฝัน มันมากพอแล้วครับ ผมเคยคิดนะว่า เอ… เราควรจะทำแบบนั้นแบบนี้ไหม เราควรจะออกอัลบั้มแนวนั้นแนวนี้ไหม แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่เราควรทำที่สุดก็คือ การทำเพลงต่อไปให้ดีโดยไม่ต้องไปกังวลอะไรมากมายกับอนาคต นี่แหละครับ เป้าหมายตลอดไปของพวกเรา

จบจากการสัมภาษณ์หล่อๆ ของ Guy เราทั้งหมดลุกขึ้นจับมือขอบคุณและอวยพรให้เขาโชคดีในการแสดง

แปลกดีครับที่วินาทีที่เขาเข้ามาในห้องครั้งแรกผมรู้สึกเกร็งจากผลงานและความสำเร็จมากมายที่จับต้องได้ของ Coldplay

แต่ความเรียบง่ายและน้ำเสียงในการตอบคำถามของเขาทำให้ผู้สัมภาษณ์ผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าผ่อนคลายจนรอไม่ไหวทีเดียวที่จะได้เจอสมาชิกอีกคนหนึ่งของวง

Will Champion เป็นมือกลองก็จริง แต่บนเวทีนั้นหน้าที่ของเขามีมากมาย ไม่ว่าจะร้องประสาน คอยเชียร์คนดู และเป็นคนที่คอยกระตุ้นเพื่อนร่วมวงตลอดเวลา ภาพของมือกลองหน้าตาใจดีที่ตีกลองเพลงช้าได้ดุดันเป็นภาพจำภาพหนึ่งของวงๆ นี้

พอเล่นโชว์ที่ไทยเสร็จพวกเขาต้องขึ้นเครื่องไปไต้หวันต่อทันที ตามด้วยเกาหลี ญี่ปุ่น ก่อนจะโยกทวีปไปฝั่งยุโรป และอเมริกาเหนือ ผมสังเกตได้ถึงความเหนื่อยล้า แต่ Will ก็เข้ามาในห้องพร้อมกับเสื้อที่ชุ่มเหงื่อและรอยยิ้มที่จริงใจที่สุดยิ้มหนึ่งใน rock & roll

เปรียบเทียบอัลบั้มชุดล่าสุดกับงานยุคแรกๆ ของวง

: ต่างกันแน่นอนครับ เป็นเป้าหมายหลักของเราด้วยซ้ำที่จะทำให้ทุกๆ อัลบั้มมีความแตกต่าง ไม่ว่าจะแง่ของซาวนด์ดนตรี การเรียบเรียง อุปกรณ์ดนตรีที่ใช้ แต่หลักๆ ผมว่ามาจากการเลือกโปรดิวเซอร์ครับ เพราะแต่ละคนจะมีความถนัดที่ไม่เหมือนกัน ล่าสุดพวกเราทำงานกับ Stargate พวกเขาเป็นทีมโปรดิวเซอร์จากนอร์เวย์ ที่มีแนวคิดทางดนตรีแตกต่างจากพวกเรา แต่ก็เข้ากันได้ดีอย่างน่าประหลาดใจ เพลงของพวกเราป๊อปมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีรายละเอียดดนตรีที่ซับซ้อน มันสนุกมาก ที่ได้ทำงานกับคนใหม่ๆ ที่มีมุมมองใหม่ๆ มันทำให้เราเรียนรู้ได้ตลอดเวลา บางทีก็มีการใช้ drum machine แทนที่จะให้ผมตีเว้ย งงๆ เหมือนกัน แต่ก็ลองดู (หัวเราะ)

ฟังเพลงอะไรบ้างในทุกวันนี้ ได้มีโอกาสฟังเพลงจากศิลปินหน้าใหม่บ้างไหม

: แน่นอน ผมว่ามันเจ๋งมากที่เราสามารถยัดประวัติศาสตร์ดนตรี 50 ปี ลงในมือถือของเราเพื่อที่จะเลือกมันขึ้นมาฟังเมื่อไหร่ก็ได้ ผมยังคงฟังเพลงเก่าที่เคยชื่นชอบสมัยเด็กอยู่เสมอ แต่ทุกวันนี้มันยากที่จะหลีกเลี่ยงผลงานใหม่ๆ เพราะมันอยู่ในทุกสื่อที่เราเสพ งานของ James Blake ยอดเยี่ยมมากๆ อัลบั้มชื่อ Skeleton Tree ของ Nick Cave ก็เป็นอัลบั้มที่สุดยอด… เอาเข้าจริง ผมให้ลูกผมแนะนำครับ (หัวเราะ) อะไรก็ตามที่ลูกผมบอกให้ฟังผมก็จะไปหามาฟัง “พ่อๆ ลองฟังคนนี้ซิ” ผมก็จะ อะไรนะ? คนไหนนะ? อ่ะๆ ลองดู เฮ้ย! โคตรดี! เพราะฉะนั้น ลูกผมคือที่ปรึกษาด้านดนตรีชั้นดีครับ

ฟังเพลงของตัวเองบ้างไหม

: โอ้ ไม่ๆๆ แต่ลูกผมชอบเปิดในบ้านเสียงดัง ซึ่งข้างบ้านคงคิดว่าผมหลงตัวเองมากๆ ฮ่าาา แต่ส่วนตัวแล้วไม่ครับ ผมไม่ฟังเพลงของวงตัวเองเท่าไหร่นักหลังจากที่ทำมันเสร็จ อาจจะมีบ้างที่เอามิกซ์แรกของเพลงกลับมาถามความเห็นลูกๆ ที่บ้านว่าชอบไหม

เป้าหมายต่อไปของวง

: มันสนุกดีที่ทุกวันนี้เราสามารถทำทุกอย่างที่เราอยากจะทำในฐานะวงดนตรีวงหนึ่งได้หมดแล้ว เราได้ร่วมงานกับคนเก่งๆ มากมาย แต่สุดท้ายแล้วผมว่าการที่เราทั้ง 4 คนซึ่งเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กได้ร่วมเล่นดนตรีด้วยกัน ทัวร์ด้วยกัน สนุกด้วยกันมาตลอด 20 ปีคือสิ่งที่พวกเราฟินที่สุด มันอาจจะเป็นคำตอบที่เลี่ยนไปนิดแต่มันคือเรื่องจริง นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผมและเพื่อนๆ

Photo: BEC – TERO Entertainment และ Warner Music (Thailand)

Tags: , , ,