ประเด็นเรื่องอัตราอาชญากรรมและเหตุข่มขืนในสวีเดน กลับมาเป็นประเด็นร้อนแรงในต่างประเทศ และบนสังคมออนไลน์อีกครั้ง หลังจาก เอมี โฮโรวิตซ์ (Ami Horowitz) ผู้ผลิตสารคดีเกี่ยวกับความรุนแรงจากผู้ลี้ภัยในสวีเดน ออกมาให้สัมภาษณ์กับ Fox News ในรายการ Tucker Carlson Tonight ว่า “กลุ่มผู้ลี้ภัยคือสาเหตุของอาชญากรรมที่พุ่งสูงขึ้นในสวีเดน”

และประเด็นนี้กลายเป็นที่ถกเถียงมากขึ้นไปอีก หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ได้อ้างถึงการให้สัมภาษณ์ของโฮโรวิตซ์ เจ้าของสารคดี และนำไปพูดกับประชาชนในฟลอริดาเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2017 ว่า

“เราจำเป็นต้องทำให้ประเทศของเราปลอดภัย คุณดูสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในเยอรมนี คุณดูสิ่งที่เกิดขึ้นในสวีเดนิ  สวีเดน…ใครจะไปเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น? พวกเขารับผู้ลี้ภัยเข้าประเทศจำนวนมาก และพวกเขากำลังมีปัญหาที่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อน”

คำพูดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้คนทั้งโลกหันกลับไปมองอัตราอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในสวีเดนอีกครั้ง ขณะที่ในสวีเดนเองกำลังถกเถียงกันอย่างมากว่า ผู้ลี้ภัยคือสาเหตุหลักของอาชญากรรมที่พุ่งสูงขึ้นจริงหรือไม่

Photo: Lucas Jackson, Reuters/Profile

ภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยของ เอมี โฮโรวิตซ์ กลับมาถูกพูดถึงอีกครั้ง                               

สารคดีของ เอมี โฮโรวิตซ์ ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวสหรัฐฯ ที่เกี่ยวกับความรุนแรงจากผู้ลี้ภัยในสวีเดน เคยเป็นพาดหัวข่าวใหญ่โตเมื่อปีที่แล้ว โดยเขาออกมาเปิดเผยว่า ระหว่างเขาเข้าไปทำสารคดีในบริเวณ Husby หรือย่านที่อยู่อาศัยของผู้อพยพในสวีเดน เขาถูกผู้ลี้ภัย 5 คนทำร้าย โดยในวิดีโอได้บันทึกเสียงขณะที่เขากำลังถกเถียงกับผู้อพยพถึงการเข้าไปถ่ายทำในพื้นที่ดังกล่าว ก่อนที่เสียงจะถูกตัดไป ในปี 2016 เขาเปิดเผยว่า “ผมนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของผู้อพยพของโลกเช่นกัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะในยุโรป คือการรับผู้ลี้ภัยนั้นทำให้เกิดปัญหาทางสังคมที่ตามมาและฝังรากลึกขึ้นเรื่อยๆ”

เอมี โฮโรวิตซ์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ Tucker Carlson Tonight ของ Fox News เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า รัฐบาลของสวีเดนจงใจปิดบังสิ่งที่เกิดขึ้น และต้องการปกป้องผู้ลี้ภัยในสวีเดน เขายังบอกอีกว่าขณะนี้ปัญหาผู้ลี้ภัยอยู่เหนือการควบคุม แต่ ‘ศีลธรรมของยุโรป’ กำลังกีดกันการถกเถียงต่อปัญหาที่เกิดขึ้น

“สวีเดนมองตัวเองเป็นผู้พิทักษ์มนุษยธรรม พวกเขาจึงต้องการเปิดประเทศต้อนรับทุกคน ต้อนรับใครก็ได้” โฮโรวิตซ์กล่าวขณะให้สัมภาษณ์

อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์ Dagens Nyheter ของสวีเดน เปิดเผยคำให้สัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจสวีเดน 2 คนที่เคยให้สัมภาษณ์ในสารคดีของโฮโรวิตซ์ว่า เขาได้บิดเบือนคำให้สัมภาษณ์ของพวกเขาในสารคดี และกล่าวหาว่าโฮโรวิตซ์นั้นเป็นคนไม่เต็ม

Washington Post เปิดเผยให้เห็นว่า หลังจากโฮโรวิตซ์นำวิดีโอออกมาเผยแพร่ในปี 2016 และออกมาให้สัมภาษณ์อีกครั้งผ่าน Fox News เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สถิติการค้นหา Google ของคนทั่วโลกเกี่ยวกับอัตราอาชญากรรมในสวีเดนนั้นพุ่งสูงสุดในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่มีรายงานว่าเหตุอาชญากรรมและเหตุข่มขืนเพิ่มมากขึ้นในสวีเดน

ข้อถกเถียงว่าผู้ลี้ภัยคือสาเหตุของอาชญากรรมที่พุ่งสูงขึ้นในสวีเดนจริงหรือไม่?

สารคดีของ เอมี โฮโรวิตซ์ และการให้สัมภาษณ์ของเขาใน Fox News ถูกประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นำไปอ้างถึง เพื่อชี้ให้ชาวสหรัฐฯ เห็นว่า การรับผู้ลี้ภัยเข้าประเทศนั้นจะสร้างปัญหาได้ โดยยกสวีเดนและเยอรมนีให้เห็นเป็นตัวอย่าง ซึ่งทันทีที่คำพูดของประธานาธิบดีทรัมป์ได้พาดพิงถึงสวีเดน สถานทูตสวีเดนในอเมริกาได้ทวิตข้อความตอบโต้คำพูดการพาดพิงของเขาว่า “เราต้องการให้ข้อมูลรัฐบาลสหรัฐฯ ใหม่เกี่ยวกับนโยบายการรับผู้อพยพของเรา”

ด้าน เอสทราดา ดอเนอร์ (Estrada Dörnor) อาจารย์ด้านอาชญาวิทยา ประจำมหาวิทยาลัยสตอกโฮล์ม ออกมาชี้ให้เห็นว่า แท้จริงแล้วอัตราอาชญากรรม ทั้งอาชญากรรมร้ายแรง และเหตุข่มขืนในสวีเดนลดลงใน 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งกราฟของมหาวิทยาลัยสตอกโฮล์มแสดงให้เห็นจำนวนอาชญากรรมรุนแรงถึงชีวิตต่อประชากร 100,000 คนในสวีเดน ที่ลดลงจาก 1.16 คดี ในปี 1980 เหลือ 1.05 คดี ในปี 2015 ขณะที่จำนวนเหยื่อผู้หญิงจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศในสวีเดนที่เคยสูงมากในช่วงปี 2000 ถึงประมาณ 2.5 คนต่อประชากร 100,000 คน เริ่มลดลงมาเหลือ 1.6 คนต่อประชากร 100,000 คนในปี 2015

Photo: TT News Agency, Reuters/Profile

ด้านหนังสือพิมพ์ Dagens Nyheter ของสวีเดนได้เผยแพร่การวิเคราะห์เหตุอาชญากรรมในสวีเดนระหว่างเดือนตุลาคม 2015 ถึง มกราคม 2016 ระบุว่า ผู้ลี้ภัยนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุอาชญากรรมที่เกิดขึ้นเพียง 1% อย่างไรก็ตามการวิจัยชี้ว่า หากทัศนคติการแบ่งแยกเชื้อชาติและการว่างงานเป็นเวลานานของกลุ่มผู้ลี้ภัยยังดำเนินต่อไป จะส่งผลต่ออาชญากรรมในสวีเดนได้ในอนาคต ซึ่งย่าน Husby หรือย่านที่อยู่อาศัยของผู้อพยพในสวีเดนถูกหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่า ย่านดังกล่าวสะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำและการแบ่งแยกในสวีเดน

ผลวิจัยของ Pew Research Study ทำการสำรวจคนในเยอรมนี และสวีเดน ซึ่งเป็นสองประเทศที่รับผู้อพยพจำนวนมาก (สวีเดนรับผู้ลี้ภัย 160,000 คน ในปี 2016) พบว่าชาวสวีเดนถึง 46% เชื่อว่า “ผู้ลี้ภัยคือกลุ่มที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับภัยอาชญากรรมมากกว่ากลุ่มอื่นๆ”

สังคมออนไลน์ถกเถียงกันถึงการเปิดเผยข้อมูลของสวีเดน

นอกจากประเด็นเรื่องผู้ลี้ภัยคือสาเหตุของเหตุอาชญากรรมในสวีเดนแล้ว  โฮโรวิตซ์ได้ออกมาพูดถึงประเด็นเรื่องตำรวจสวีเดนปกปิดการก่อเหตุรุนแรงของผู้ลี้ภัย เขาให้สัมภาษณ์กับ Fox News ว่า “ทางการสวีเดนพยายามปิดบังเหตุข่มขืนที่ก่อขึ้นโดยผู้ลี้ภัย”

ความน่าเชื่อถือของทางการสวีเดนจึงถูกนำมาถกเถียงอีกครั้ง โดยในปี 2015 เคยมีข้อกล่าวหาว่าตำรวจสวีเดนปิดบังอัตราอาชญากรรมที่ก่อโดยผู้ลี้ภัย อย่างเช่น เหตุข่มขืนและล่วงละเมิดทางเพศในเทศกาลดนตรีในสตอกโฮล์ม ในปี 2014 และ 2015 ที่ตำรวจสวีเดนเปิดเผยว่า มีผู้ต้องสงสัยถึง 50 คน ซึ่งหนังสือพิมพ์ Dagens Nyheter ของสวีเดนรายงานว่า ผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นชาวอัฟกานิสถาน หลังจากนั้นทางการสวีเดนจึงได้ทำการสืบสวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

Photo: TT News Agency, Reuters/Profile

ซึ่งนายกรัฐมนตรี สเตฟาน เลิฟเวน (Stefan Löfven) ของสวีเดนออกมาประกาศว่า “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นการหักหลังผู้หญิงเหล่านี้ อย่างแรกเลยคือเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ถูกดำเนินคดีอย่างที่ควรจะเป็น อย่างที่สองคือตำรวจไม่ได้ให้ข้อมูลพวกเราเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น”

สวีเดนคืออีกหนึ่งประเทศที่มีอัตราอาชญากรรมสูง อย่างไรก็ตาม เอสทราดา ดอร์เนอร์ แสดงความคิดเห็นว่า การพิจารณาว่าการกระทำใดที่นับว่าเป็นการ ‘ข่มขืน’ ในแต่ละประเทศนั้นต่างกัน โดยเขาบอกว่าสวีเดนคืออีกประเทศที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้การล่วงละเมิดทางเพศในหลายกรณี เป็นการข่มขืนด้วยเช่นกัน ซึ่งอาจส่งผลต่ออัตราการข่มขืนของสวีเดน

เรายังไม่สามารถสรุปได้ว่าผู้ลี้ภัยคืออีกสาเหตุหลักของการเพิ่มขึ้นของอัตราอาชญากรรมในสวีเดน รวมถึงประเทศอื่นๆ ในยุโรปหรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดเป็นคำถามมากกว่านั้นไม่ใช่แค่ว่าพวกเขาจะรับหรือไม่รับผู้ลี้ภัย แต่พวกเขาจะมีนโยบายทางสังคมอย่างไรหลังจากรับผู้ลี้ภัยมาแล้ว ที่จะทำให้กลุ่มผู้ลี้ภัยเป็นส่วนหนึ่งกับสังคมของประเทศเจ้าบ้าน ไม่ว่าจะเป็น การจ้างงาน หรือในด้านวัฒนธรรมและภาษา เพราะหากยิ่งเกิดความแบ่งแยกอย่างเห็นได้ชัด และกลายเป็นความเหลื่อมล้ำทั้งทางด้านสังคมและเศรษฐกิจ ปัญหาอาชญากรรมก็ย่อมเป็นสิ่งที่ตามมา

อ้างอิง:

Tags: , ,