ความรักพลุ่งพล่านในช่วงวัยรุ่นทั้งเย้ายวนและน่าหลงใหล เราพร้อมจะกระโจนใส่โดยไม่กลัวจะได้บาดแผล หรือแม้แต่ห่วงว่าจะทำเราเจ็บปวด แต่พอผ่านไปสักพัก เมื่อล่วงเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ความรักจะกลายเป็นสิ่งที่เราเลิกถามหาพร่ำเพรื่อ ถ้ามี ความรักจะคล้ายความอุ่นของแดดฤดูหนาว เปรียบเป็นกราฟที่ไม่ต้องพุ่งขึ้นสูง แต่ก็ไม่ลงต่ำจนใจหาย ส่วนวัยที่มากไปกว่านั้น เราอาจจินตนาการไม่ออกว่ามันเป็นอย่างไร คนรักอยู่ด้วยกันในความรู้สึกแบบไหน และจะยังอยู่จนตายจากกันไปข้างหนึ่งจริงๆ หรือเปล่า

ภาพยนตร์ 5 เรื่องนี้คงไม่ใช่คำตอบที่เหมาะกับโจทย์ชีวิตของทุกคนเมื่อวัยนั้นมาถึง แต่เราเชื่อว่ามันอาจเฉลยบางคำถามในทั้งหมดทั้งมวล อย่างน้อยเพื่อให้เราได้ครุ่นคิดและทบทวนว่าแท้จริงแล้ว รักที่เราต้องการนั้นคืออะไร

 

Amour – รัก

ความรักคืออะไร? คำถามนี้อาจนับรวมเป็นหนึ่งในปัญหาโลกแตกเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย คำถามนี้ก็จะยังเกิดขึ้นเสมอ รักคือการเหนี่ยวรั้งหรือปล่อยไป คือการจำยอมหรือขัดขืน คือรอยยิ้มหรือน้ำตา คือพายุหรือสายลม

Amour คือภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวในชีวิตบั้นปลายของคู่รักวัยชราคู่หนึ่ง ได้แก่ จอร์จและแอนน์ สองสามีภรรยาที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาจนแก่เฒ่า ความสุขความทรงจำล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเหล่านั้น จนมันค่อยๆ ผ่านไป จนใครบางคนค่อยๆ เสื่อมสภาพไปตามอายุ แอนน์ล้มป่วยจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ในที่สุด จอร์จต้องคอยดูแลเอาใจใส่อยู่ไม่ห่าง ทำทุกอย่างไม่ว่าจะดีร้ายอย่างไร ความผูกพันผสานกับความรับผิดชอบ หน้าที่ของสามีภรรยาที่ต้องคอยดูแลซึ่งกันและกัน คนหนึ่งต้องเฝ้ามองอีกคนทรุดโทรมลงไปทุกวัน ก่อให้เกิดความรู้สึกอึดอัดปนปวดร้าว ทรมานและพังทลายแล้วต่างค่อยๆ ย่อยยับลงทั้งร่างกายและจิตใจ

ผู้กำกับ ไมเคิล ฮานาเก้ ถ่ายทำและเล่าเรื่องนี้ออกมาด้วยบรรยากาศนิ่งๆ เรื่อยๆ และเป็นไปอย่างราบเรียบ ตั้งกล้องไว้แล้วปล่อยให้นักแสดงถ่ายทอดเรื่องราว ให้เราได้เห็นความเคลื่อนไหวจากในมุมสายตาของคนภายนอกที่ไม่สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้จริงๆ ให้เราได้ซึมซับสภาวะของสถานที่รวมไปถึงจิตใจของตัวละคร ให้ความเงียบของภาพยนตร์ได้ทำงาน ให้เราได้นึกถึงเส้นทางความรักที่ได้เลือกเดิน

 

45 Years – เจ็บ รัก เก่า

อย่าหลงคิดว่าเรารู้จักใครบางคนดีแล้ว เพราะแม้แต่ตัวเองในบางครั้ง เรายังไม่รู้จักตัวเองดีเลย คนที่อยู่เคียงข้างไม่ว่าจะสิบปี ยี่สิบปี หรือชั่วชีวิต เราก็ไม่มีทางรู้ว่าเขาคิดอะไร รู้สึกอย่างไร หรือปรารถนาสิ่งไหน

45 years เล่าเรื่องของสามีภรรยา เคตและเจฟฟ์ที่กำลังจะจัดงานฉลองวันครบรอบแต่งงาน 45 ปี แต่ก่อนการจัดงานเพียงหนึ่งสัปดาห์ก็มีจดหมายฉบับหนึ่งส่งมาถึงเจฟฟ์ ในจดหมายแจ้งข่าวการพบศพคนรักเก่าของเขา เธอถูกแช่อยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็งมานานกว่าครึ่งศตวรรษ

ชีวิตคู่อันยาวนานสั่นคลอนเพราะกระดาษหนึ่งแผ่น ความทรงจำค่อยๆ ไหลบ่ากลับมา ความเข้มแข็งค่อยๆ ละลายหายไป เจฟฟ์กลายเป็นใครอีกคนที่เคตไม่รู้จัก อาจจะเป็นอีกคนที่เธอไม่เคยได้สัมผัส อดีตของเขายังคงฝังแน่นอยู่ในใจ เป็นอดีตที่ไม่เคยสูญหาย ยังอยู่ที่ไหนสักแห่งเพื่อรอวันค้นพบ และเมื่อวันนั้นได้มาถึง ใครบางคนก็ได้ตายทั้งเป็นไปแล้ว

สิ่งหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ในเรื่องนี้คือการแสดงอย่างเข้าถึงบทของชาร์ล็อตต์ แรมปลิง ซึ่งมีส่วนทำให้ 45 years มีพลังทำลายล้างสูงทางจิตใจ ชาร์ล็อตต์เล่นน้อย แต่ได้มาก แค่แววตาของเธอก็แทบจะบ่งบอกทุกอย่างแล้วว่าความรู้สึกข้างในเป็นอย่างไร เหมือนเอาทุกอย่างมากองไว้ตรงหน้าโดยปราศจากการคำพูดและกระทำ แล้วเราจะเข้าใจได้ว่าความเจ็บปวดในแบบที่ไม่ฟูมฟายเป็นอย่างไร

 

Le Week-End – พักร้อน มาวอร์มรัก

ความรักเก่าได้และมีวันจืดจางรู้ไหม มันไม่มีทางหวานชื่นและสวยสดอย่างปีแรกๆ เพลิงรักที่โชกโชนจะเหลือเพียงกองฟืนอุ่น และหัวใจที่เคยเต้นแรงจะกลับคืนสู่จังหวะสามัญ

Le Week-End เป็นภาพยนตร์คู่รักวัยเกษียณในแบบพ่อแง่แม่งอน สามวันดีสี่วันไข้ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายใส่กันไม่มีพัก ดังนั้น สองสามีภรรยา นิคและเม็ก จึงตัดสินใจไปฮันนีมูนรอบสองที่ปารีส สถานที่เดียวกันกับการฮันนีมูนรอบแรกที่ผ่านมาหลายสิบปี พวกเขาหวังจะดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ด้วยกันอีกครั้งเพื่อฟื้นคืนความหนุ่มสาวและชีวิตรักอันหอมหวาน

ภาพยนตร์ไม่ได้มีอะไรหวือหวาหรือดรามารุนแรง แต่ประกอบไปด้วยเสียงหัวเราะแห่งความเข้าใจและความหัวเสียจากเรื่องผิดพลาด หนังเล่าทั้งสองด้านบาลานซ์กันไปเรื่อยๆ จนเราอดเอาใจช่วยทั้งคู่ไม่ได้ ถึงร่างกายพวกเขาจะล่วงเข้าสู่ไม้ใกล้ฝั่งเข้าไปทุกที แต่หัวใจยังคงแฝงไปด้วยความดื้อรั้นและอยากผจญโลก ยาเสพติด เซ็กซ์ การหย่าร้าง และความตาย นี่คือสิ่งที่พวกเขาต้องผ่าน ผ่านมาแล้ว เพิ่งผ่านมา หรือกำลังจะผ่านไป

เพราะความรักไม่ได้มีแค่ด้านสวยหรู ทุกคนจึงต้องผ่านด้านที่เลวร้ายของมันมาบ้าง และหากใครเคยประทับใจกับ Notting Hill ขอให้ลองรักกับ Le Week-End อีกสักเรื่อง เพราะนี่คือผลงานจากผู้กำกับคนเดียวกัน

 

Up in the Air–หนุ่มโสดหัวใจโดดเดี่ยว

มนุษย์บางพวกอาจโหยหาความสัมพันธ์ แต่บางพวกกลับหวาดกลัวความสัมพันธ์ พวกแรกมักจะวิ่งเข้าใส่ความสุขของการมีคนข้างกายโดยไม่รั้งรอ ในขณะที่พวกหลังจะปฏิเสธการอยู่ร่วมคู่เคียงหมอน

ไรอัน บิงแฮม พระเอกใหญ่จาก Up in the Air เป็นมนุษย์ประเภทหลัง เขาประกอบอาชีพหลักคือรับจ้างไล่ (คนอื่น) ออก และอาชีพรองคือวิทยากรผู้เชี่ยวชาญการพูดชักจูงและให้กำลังใจ ไรอันจะเริ่มต้นการบรรยายด้วยการยกตัวอย่างเป็นกระเป๋าสัมภาระหนึ่งใบเสมอ แล้วให้ผู้ฟังคิดตามว่าในกระเป๋านั้นประกอบไปด้วยอะไรบ้าง อาทิ พ่อแม่ คนรัก บ้าน รูปถ่าย โทรทัศน์ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำให้กระเป๋าที่คุณแบกหนักขึ้นๆ เพราะฉะนั้นจงเอามันออกจากชีวิตคุณไป เขาเชื่อมาตลอดว่าการไม่ผูกมัดกับสิ่งใดเป็นสิ่งที่ดีที่สุด จนเมื่อได้พบกับผู้หญิงสองคนในความสัมพันธ์สองรูปแบบ ได้แก่ นาตาลี คีเนอร์ สาวมั่นที่จะเข้ามาปฏิรูปการไล่พนักงานออก แต่ยังอ่อนประสบการณ์ ไรอันจึงต้องรับผิดชอบสอนงานให้เธอ และอีกคนที่เข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิตเขา อเล็กซ์ สาวใหญ่นักเดินทางที่เป็นดั่งผู้หญิงในอุดมคติ จนทำให้เขาฉุกคิดถึงชีวิตที่ผ่านมา และอยากหยุดตรงนี้ที่เธอ

Up in the Air เสนอทั้งความสัมพันธ์ที่เปราะบางและแน่นหนัก หัวใจที่สั่นไหวและมั่นคง ความฝันและความเป็นจริง การที่ใครหลายคนหวาด

กลัวความสัมพันธ์ไม่ได้เป็นเพราะเขารักใครไม่เป็น แต่เขากลัวความสูญเสียที่จะตามมาต่างหาก ในเมื่อไม่มีสิ่งใดบนโลกได้มาฟรีๆ การได้มาก็คงลงเอยด้วยการเสียไป

 

Hope Springs – คุณป้าดึ๋งดั๋ง ปึ๋งปั๋งกันมั้ยปู่

ใครว่าเซ็กซ์เป็นเรื่องไม่สำคัญ รู้ไหมว่านี่เป็นปัญหาอันดับต้นๆ ที่ทำให้คู่สามีภรรยาต้องบาดหมางและเลิกกันมานักต่อนักแล้ว เซ็กซ์ถือเป็นการแสดงความรักในรูปแบบหนึ่งไม่ต่างจากการบอกรักหรือโอบกอด แถมยังช่วยผ่อนคลายความเครียดและหลั่งสารแห่งความสุขอีกด้วย

เมื่อผ่านการแต่งงานและใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมาอย่างยาวนาน ความรักของเคย์และอาร์โนลด์ก็จืดชืดลงจนเจือจาง แต่ทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ เคย์ ผู้เป็นภรรยา จึงเริ่มมองหาสิ่งต่างๆ ที่จะช่วยให้ทั้งสองกลับมาชื่นมื่นกันอีกครั้ง จนเธอไปพบกับหนังสือของ ดร.เบอร์นี ฟิลด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ เธอมองเห็นความหวังของวันข้างหน้าอยู่รำไร เลยตัดสินใจลากสามีไปขอคำปรึกษาด้านชีวิตคู่กับ ดร.เบอร์นี แล้วภารกิจทวงคืนความรักก็เริ่มขึ้น

Hope Springs เป็นผลงานของผู้กำกับเดวิด แฟรงก์เกล ที่เราคุ้นเคยเขาดีจากภาพยนตร์เรื่อง The Devil Wears Prada แม้ไม่ได้ฉูดฉาดเท่าเรื่องก่อน แต่ Hope Springs ก็เต็มไปด้วยเสน่ห์ของรักกุ๊กกิ๊กในวัยทอง สนุกสนานเฮฮาไปกับพฤติกรรมของแต่ละคน และเอาใจช่วยความพยายามที่จะเริ่มต้นใหม่ เพื่อให้เราได้ตกหลุมรักกันซ้ำๆ ซ้ำๆ ตลอดไป แล้วรักเราจะกลับมาดีดังเดิม (จริงหรือ?)

 

 

ภาพประกอบโดย ภัณฑิรา ทองเชิด

Tags: , , , , ,