อย่างที่รู้กันว่าประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติเมื่อปี พ.ศ. 2557 พบว่ามีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป 14.9 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมด หรือ 9.5 ล้านคน และคาดว่าประเทศไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ในช่วงปี พ.ศ. 2568

ด้วยเหตุนี้ทางธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป ได้ตัดสินใจลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาท เนรมิตโครงการ จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ (Jin Wellbeing County) โครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัยแบบครบวงจรแห่งแรกในเมืองไทย ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘เมืองแนวคิดใหม่เพื่อวัยเกษียณ’ บนพื้นที่ 140 ไร่ ริมถนนพหลโยธิน รังสิต

จอห์น ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ กล่าวว่าจากประสบการณ์ของการทำโรงพยาบาลธนบุรีมานานกว่า 40 ปี ทำให้เข้าใจถึงความต้องการของผู้สูงวัย ประกอบกับปัจจุบันเมืองไทยเป็นสังคมสูงวัย ซึ่งคาดว่าในอีกสี่ถึงห้าปีข้างหน้า จะมีผู้สูงวัย 20 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมด หรือประมาณ 14 ล้านคน

“การที่เราตัดสินใจลงทุนตรงนี้เพราะมองว่ามันมีตลาด ที่สำคัญคือเราไม่เหมือนคนอื่น โรงพยาบาลธนบุรีมีมานานถึง 40 ปี เราเห็นคนไข้ของเราอายุมากขึ้น หมอกับพยาบาลของเราก็ได้คุยกับเขา ได้พบว่าถ้าเขาไม่ได้มาที่โรงพยาบาล ก็ต้องอยู่บ้านคนเดียวหรืออยู่กันสองคนตายาย เพราะลูกหลานออกไปทำงานกันหมด แล้วไม่รู้ว่าจะทำอะไร เรามองว่านี่เป็นปัญหาหนึ่งของสังคม

“ชีวิตของคนแก่ไม่เหมือนกับคนรุ่นหนุ่มสาว ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ความต้องการที่ไม่เหมือนกัน เราเชื่อว่าคนแก่ก็อยากมีเพื่อนในวัยเดียวกัน มีความสนใจคล้ายกัน นอกจากสถิติของประชากรแล้ว ด้วยประสบการณ์การดูแลผู้สูงอายุในโรงพยาบาล ก็ทำให้เราเข้าใจตรงนี้”

จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ เป็นโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัยที่รวมเอาการบริการด้านการแพทย์ และสิ่งอำนวยความสะดวกในด้านไลฟ์สไตล์เข้ามาไว้ด้วยกัน โดยเฟสแรกใช้เงินลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาท ประกอบด้วยสามส่วนหลัก ได้แก่

ส่วนแรก Active Living ส่วนที่พักอาศัยอาคาร Low-rise เจ็ดชั้น ขนาดห้องตั้งแต่ 43-63 ตร.ม. รวม 1,300 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 3.69 ล้านบาท

ส่วนที่สอง คือ Aged Care ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพและอาคารสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ภายในประกอบด้วย ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุมีห้องพัก 60 ห้อง คลินิกรักษาโรคทั่วไป ศูนย์กายภาพ และการบริการให้คำปรึกษาจากนักโภชนาการและนักจิตวิทยา

ส่วนที่สาม คือ Clubhouse & Wellness Center ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น สปา ฟิตเนส สระว่ายน้ำ ห้องนวดแผนไทย ห้องทำกิจกรรม ห้องคาราโอเกะ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีบริการทางการแพทย์เพื่อป้องกัน รักษา และฟื้นฟู โดยบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ

ในส่วนของการออกแบบก็ได้บริษัท ThomsonAdsett บริษัทดีไซเนอร์ระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ มาดูภาพรวมการออกแบบภายใต้แนวคิด ‘Universal Design’  โดยมี Openbox Architects ดูแลด้านการออกแบบอาคาร และ Shma ดูแลด้านการออกแบบภูมิสถาปัตยกรรมอีกต่างหาก

“คาดว่าจะเริ่มสร้างได้ภายในต้นปีหน้า ก็น่าจะใช้เวลาสร้างหนึ่งปีกว่าๆ เพราะโครงการนี้ไม่ใช่แค่การสร้างบ้านอย่างเดียว เราต้องเตรียมคนอย่างน้อย 700-800 คน มาให้บริการ ทั้งพยาบาล นักโภชนาการ แอโรบิก และคนดูแลอาคาร ที่มีความเข้าใจผู้สูงอายุ”

“เรานำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ด้วย ผู้สูงอายุที่อยู่ที่นี่จะมีริสแบนด์ให้ใส่ เป็นการดูข้อมูลของแต่ละคนและมอนิเตอร์ว่าเขาทำอะไรอยู่ เพื่อป้องกันสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เพราะคนสูงวัย บางทีก็มีเดินหลงทางบ้าง อยู่ในห้องน้ำนานเกินครึ่งชั่วโมง บางครั้ง เดินๆ อยู่ก็หกล้ม เราจะได้ส่งคนไปช่วยเหลือได้ทัน หรือแม้แต่เวลาเขามาทานอาหารที่ร้านอาหาร เราก็จะรู้ว่าเขามีน้ำตาลในร่างกายมากเกินไป หรือมีไขมันมากเกินไป เราจะจัดอาหารที่เหมาะสมสำหรับเขา”

จอห์นยังกล่าวเสริมอีกว่า สำหรับเฟสแรก ตั้งเป้าขายให้ได้ 60-70 เปอร์เซ็นต์ในกลางปีหน้า โดยจะดูแนวโน้มของตลาดอีกทีว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างไร ถ้าเป็นไปตามแผน หลังจากเฟสแรกสร้างเสร็จ จะขยายเปิดเฟส 2 ทันที โดยมีห้องพักมากขึ้น ส่วนเฟส 3 จะมีโรงพยาบาลเต็มรูปแบบ คาดว่าจะครบทั้งสามเฟสในอีกห้าปีข้างหน้า

“กลุ่มเป้าหมายของเรา แค่หนึ่งในห้าของ 14 ล้านคนที่เป็นผู้สูงอายุ ก็หลายแสนคนแล้ว และเป็นคนที่มีกำลังซื้อในระดับหนึ่ง ส่วนใหญ่มีรายรับต่อเดือนไม่ต่ำกว่าแสน หลังเกษียณ เขามีเงินจากการซื้อประกัน บางคนได้เงินสะสม หรือเงินลงทุน ผมว่าราคาสี่ล้าน ไม่ใช่ปัญหาของคนกลุ่มนี้”

“ความสำเร็จของเราคงไม่ใช่การขายโครงการนี้หมดเร็วๆ ผมว่าแบบนั้นใครๆ ก็ทำได้ แต่เราอยากให้คนที่ย้ายมาอยู่ที่นี่มีความสุขและชอบจริงๆ ถึงจะถือว่าเป็นความสำเร็จของเรา” จอห์นกล่าวทิ้งท้าย

Tags: , , , , ,