ฟินแลนด์คือดินแดนเล็กๆ ทางเหนือสุดของยุโรปที่ขึ้นชื่อเรื่องความหนาวเหน็บ แต่ประเทศแห่งหิมะที่มีประชากรเพียงห้าล้านคนแห่งนี้เป็นที่จับตามองของนานาชาติในฐานะผู้ผลิตวัฒนธรรมที่ประสบความสำเร็จในระดับโลก ในเมืองไทยเอง ช่วงสองสามปีมานี้ เราได้เห็นความสำเร็จของสินค้าทางวัฒนธรรมจากฟินแลนด์ นับจากครอบครัว ‘มูมิน’ (Moomin) ที่ได้รับความนิยมทั้งในรูปแบบหนังสือ ของใช้น่ารัก หรือแม้แต่คาเฟ่ตัวละคร ‘มารีเมกโกะ’ (Marimekko) แบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลก ผู้ผลิตผ้าและของใช้ในชีวิตประจำวันสีสันสดใส นอกจากนี้ หลายคนบอกว่า ‘แบรนด์ฟินแลนด์’ ที่สำคัญที่สุดไม่ใช่สินค้าที่จับต้องได้แต่อย่างใด หากเป็น ‘การศึกษา’ ที่ปฏิรูปจนสำเร็จ และกำลังกลายเป็นต้นแบบของโลก

The Momentum จึงชวนท่านทูต ซาตุ ซุยการิ-เคลเวน (Satu Suikkari-Kleven) เอกอัครราชทูตฟินแลนด์ประจำประเทศไทย มาพูดคุยสบายๆ เกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมอันน่าทึ่งจากประเทศเล็กๆ แห่งนี้


รู้สึกอย่างไรบ้าง กับการมาประจำที่ประเทศไทย

ดีมากค่ะ สิบเดือนที่ผ่านมาน่าสนใจมาก ฉันโชคดีที่ได้มาทำงานที่เมืองไทย ชอบที่ได้อยู่ในประเทศที่ร่ำรวยวัฒนธรรมและมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ฉันชื่นชมวัฒนธรรมและงานออกแบบของไทยด้วย อย่างงานฝีมือที่เชียงใหม่นั้นยอดเยี่ยมมาก

 

รู้สึกอย่างไรที่มีผลิตภัณฑ์ของฟินแลนด์มากมายในประเทศไทย ทั้งมูมิน มารีเมกโกะ และอื่นๆ แถมสิ่งที่แสดงถึงวัฒนธรรมของฟินแลนด์เหล่านี้ยังได้รับการต้อนรับที่ดีและเติบโตรวดเร็วมาก

ฉันได้ยินเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนมาแล้วว่ามีการเปิดร้านของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ แต่เมื่อมาไทยถึงได้รู้ว่าสินค้าเหล่านี้อยู่ในห้างสรรพสินค้าที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ชื่นชอบมากจริงๆ ไม่ว่าไปไหน คุณจะเห็นครอบครัวมูมินเสมอ ในฐานะคนฟินน์ ฉันดีใจที่ตัวละครที่เรารักมากเป็นที่รักของคนที่นี่ด้วย มันทำให้รู้สึกใกล้ชิด รู้สึกว่า ดีจริง คุณก็รักพวกมูมินเหมือนกันนี่

 

คุณบอกว่าคนฟินน์รักมูมินมาก ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

ตัวละครในมูมินใจดี มูมินแฝงปรัชญาเรื่องการเอื้ออารีต่อผู้อื่น ไม่มีใครถูกกีดกัน แม้แต่ตัวละครที่ตัวเล็กที่สุดหรือตัวละครที่แสบที่สุดก็ไม่ถูกทิ้งขว้างให้เป็นคนนอก นอกจากนี้ ฉากของเรื่องนี้ก็สวยงาม และยังมีเรื่องราวการผจญภัย ตัวละครทุกตัวรอคอยที่จะได้ออกไปผจญภัยเสมอ เรื่องมูมินยังเป็นส่วนผสมของการผจญภัยและความรู้สึกปลอดภัยเมื่อได้อยู่บ้าน

 

ช่วยเล่าความทรงจำสมัยเด็กเกี่ยวกับมูมินที่คุณประทับใจให้ฟังหน่อย

หนังสือค่ะ สมัยเด็กฉันมีหนังสือมูมินอยู่เล่มหนึ่งที่เรียกว่า Kuinkas sitten kävikään? หรือ What happens next?แต่ละหน้าจะมีรูอยู่ คุณจะเห็นหน้าต่อไปแค่นิดเดียว และต้องเดาว่าจะเกิดอะไรต่อไป ตอนฉันเป็นเด็ก เรายังไม่มีสื่อมากมายที่เป็นมูมิน เรามีแต่หนังสือ และหลังๆ มานี่เองที่หนังสือเริ่มแตกเป็นรายการทีวี สวนสนุก และอื่นๆ แต่สำหรับฉัน โลกของมูมินอยู่ในหนังสือ

อีกความทรงจำที่ฉันชอบเป็นพิเศษคือตอนที่หลานฉันยังเล็ก ตอนนั้นมีรายการมูมินแล้ว เราชอบดูการ์ตูนด้วยกัน นั่นคือช่วงเวลาที่สงบมากสำหรับฉัน เมื่อคุณเศร้าหรือชีวิตวุ่นวายมากๆ เมื่อนั่งดูมูมิน คุณจะรู้สึกว่าชีวิตก็ไม่ได้แย่เท่าไรนี่ ในเรื่อง เมื่อเรื่องยุ่งๆ ผ่านพ้น คุณแม่มูมินก็มักอบซินนามอนโรลมาแจกทุกคน มูมินทำให้เห็นความสวยงามของชีวิตในทุกๆ วัน และช่วยให้ได้คิดว่าที่จริงชีวิตฉันก็โอเคนะ

แน่นอนว่าฉันชื่นชอบ ตูเว ยานซอน (Tove Jansson) ผู้เขียนมูมิน เธอเป็นศิลปินอย่างแท้จริง ถ้าคุณไม่มีพรสวรรค์เช่นนั้น คงยากที่จะสร้างโลกที่มหัศจรรย์ในเรื่อง มันดูเรียบง่าย แต่ต้องใช้พลังสร้างสรรค์มากทีเดียว

 

ตัวละครโปรดของคุณคือตัวไหน

นี่เป็นคำถามที่ยากมาก ฉันรักตัวละครทุกตัวเลย แต่ถ้าต้องเลือกจริงๆ ฉันว่าคุณแม่มูมิน (Moominmamma) นะ เพราะเธอสามารถสร้างความสงบสุข และทำให้ทุกคนรู้สึกปลอดภัยได้

แน่นอนว่ามูมินประสบความสำเร็จในฟินแลนด์ ในความคิดของคุณ อะไรทำให้มูมินมาไกลถึงเอเชีย

เนื้อเรื่องของมูมินเป็นสากลมาก เพราะพูดถึงความต้องการที่จะหาความสุขในทุกๆ วัน และยังมีเรื่องความเป็นมนุษย์ด้วย ฉันคิดว่าเรื่องนี้สำคัญมาก มูมินทำให้คุณรู้สึกว่าตัวเองได้รับการยอมรับ ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม นอกจากนี้ เรื่องมูมินยังมีทั้งโลกของผู้ใหญ่และโลกของเด็ก เมื่อฉันอ่านมูมินให้ลูกสาวฟัง ฉันเองก็สนุก เพราะผู้ใหญ่ก็จะตีความไปในแบบของผู้ใหญ่

 

มารีเมกโกะเป็นสินค้าทางวัฒนธรรมจากฟินแลนด์อีกอย่างที่ประสบความสำเร็จในเมืองไทยในช่วงสองสามปีมานี้ มารีเมกโกะบอกอะไรเกี่ยวกับคนฟินน์

มารีเมกโกะแสดงถึงอุดมการณ์หลายอย่าง อย่างแรกเลยคือคุณภาพสูง ของอย่างหนึ่งใช้ได้หลายสิบปี ซึ่งนั่นดีต่อสิ่งแวดล้อมด้วย

นอกจากนี้ อาร์มิ ราเตีย (Armi Ratia) ผู้ก่อตั้งมารีเมกโกะ เธออยากปลดปล่อยผู้หญิงให้เป็นอิสระจากชุดรัดๆ (ชุดของมารีเมกโกะมักเป็นชุดทรงตรง ปล่อยๆ สบายๆ) เธอก็เหมือนเป็น โคโค ชาแนล (Coco Chanel) ในยุคของเธอเอง แต่ก่อน ชุดผู้หญิงฟินน์ก็เหมือนผู้หญิงยุโรปทั่วไปที่เป็นทางการและไม่สบายนัก

 

สิ่งที่มารีเมกโกะให้กับผู้คนคืออะไร

มันคือวิถีชีวิต มารีเมกโกะมีงานออกแบบที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักของคนมากมาย แต่ที่เหนือกว่านั้นคือวิถีชีวิตที่เรานำเสนอ คล้ายๆ กับมูมินตรงที่นำความสุขมาสู่ชีวิตทุกๆ วันของเรา ฉันคิดว่าหนึ่งในเป้าหมายของสำคัญของมารีเมกโกะคือการใส่ความสุข (joy) ไปในชีวิตประจำวัน เช่น สีสดๆ ที่ใช้ และอารมณ์ขันในหลายๆ ลาย และฉันคิดว่าคนทั่วโลกเข้าใจสิ่งนี้

 

คุณพูดถึงความสุขทั้งในเรื่องมูมินและงานออกแบบของมารีเมกโกะ ทำไม ‘ความสุข’ ถึงสำคัญนักในงานออกแบบ รวมไปถึงงานศิลปะของฟินแลนด์

บางทีอาจเกี่ยวกับอากาศหนาวเย็นอันแสนทรหดของฟินแลนด์ เกี่ยวกับวันและคืนอันยาวนานที่ไม่มีแสงอาทิตย์ในหน้าหนาวของเรา เมื่อมีสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ความสุขจึงสำคัญ ความสุขที่เราพูดถึงไม่ใช่ในโอกาสพิเศษอะไร แต่เป็นความสุขในวันธรรมดาๆ วันหนึ่ง

 

คุณมีลายผ้ามารีเมกโกะที่ชอบไหม

ฉันชอบพวกลายวงกลมที่มาต่อกัน เช่น ลาย Isotkivet (ฺBig Rocks) และ Fokus (Focus)

สามสี่ปีมานี้ สินค้าทางวัฒนธรรมของฟินแลนด์เติบโตเร็วมากทั่วโลกและในเมืองไทย รัฐบาลมีส่วนสนับสนุนปรากฏการณ์นี้อย่างไรบ้าง

เมื่อเรามีโอกาสหรือพื้นที่ เรายินดีเสมอที่จะร่วมมือกับองค์กรต่างๆ เพื่อโปรโมตงานศิลปะหรืองานออกแบบของฟินแลนด์ อย่างในเมืองไทยเมื่องานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติที่ผ่านมา เราก็ร่วมมือกับสำนักพิมพ์และแบรนด์ต่างๆ เพื่อจัดแสดงงานในบูธของเรา

ในภาพรวม รัฐบาลฟินแลนด์สนับสนุนงานออกแบบตั้งแต่ฐานราก นั่นคือเรื่องการศึกษา เรามีมหาวิทยาลัยอาลโต (Aalto University) ที่รวมโรงเรียนออกแบบ เศรษฐศาสตร์ และวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเข้าด้วยกัน มันเป็นแนวคิดที่ดีมาก นักเรียนที่อยู่ในสายออกแบบก็ได้เรียนเรื่องธุรกิจ ในทางกลับกัน คนที่เรียนเศรษฐศาสตร์ก็จะเข้าใจเรื่องการออกแบบมาตั้งแต่ต้น หากเขาหรือเธอต้องการทำธุรกิจ ฉันเห็นว่าสิ่งนี้สำคัญมาก

 

นอกจากการออกแบบ สิ่งที่ฟินแลนด์ประสบความสำเร็จอีกอย่างคือการอ่าน ประเทศของคุณทำสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นได้อย่างไร

อย่างหนึ่งคือเรามีระบบห้องสมุดที่ดีมากทั่วประเทศ ส่วนในหมู่บ้านเล็กๆ หรือที่ห่างไกล เราก็มีรถห้องสมุด (library bus) ไปถึง เมื่อใดที่มีการสัมภาษณ์นักเขียนชาวฟินแลนด์ บ่อยมากที่พวกเขาจะบอกว่าความรักการอ่านของเขาเริ่มในรถห้องสมุด แน่นอนว่าการที่มีหนังสือให้คนเข้าถึงได้ นั่นคือประเด็นที่สำคัญที่สุด

ทุกคนสามารถอ่านหนังสือได้เท่าที่อยากจะอ่าน ไม่ว่ามีทุนทรัพย์เท่าไร แน่นอนว่าห้องสมุดยังจัดกิจกรรมบ่อยๆ มีชมรมสำหรับเด็ก และห้องสมุดก็จะช่วยพ่อแม่ผู้ปกครองแนะนำหนังสือให้ลูกๆ ของพวกเขาด้วย

 

ในความคิดของคุณ เราจะเสริมสร้างวัฒนธรรมการอ่านในเมืองไทยได้อย่างไร

ฉันคิดว่าโรงเรียนมีส่วนสำคัญ โรงเรียนและครูต้องช่วยให้เด็กๆ ค้นพบความสุขในการอ่าน ให้เขาเรียนรู้ที่จะมีความสุขในโลกแห่งหนังสือ มีงานวิจัยมากมายที่บอกว่า ถ้าคุณอ่านหนังสือได้ดี การเรียนรู้เรื่องอื่นๆ ก็จะดีตามไปด้วย

 

การศึกษาของฟินแลนด์เป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่โด่งดังและได้รับการยอมรับไปทั่วโลก ทุกวันนี้เมื่อมีการพูดถึงการพัฒนาการศึกษาในประเทศไทย จะต้องมีคำว่า ‘ฟินแลนด์’ โผล่มาเสมอ ในฐานะตัวอย่างประเทศที่ปฏิรูปการศึกษาได้สำเร็จ องค์ประกอบอะไรในการศึกษาของฟินแลนด์ที่เอามาใช้กับเมืองไทยได้บ้าง

ฉันคิดว่ามีหลายอย่าง แน่นอนว่าเรื่องใหญ่คือความเสมอภาค คุณต้องให้โอกาสทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าเขาจะเกิดหรืออยู่ที่ไหน อีกเรื่องคือการฝึกหัดครู ปัจจัยที่สำคัญมากในโรงเรียนของฟินแลนด์คือครูทุกคนต้องจบปริญญาโท คุณต้องตั้งใจเรียนอย่างมากเพื่อจะได้เข้าเรียนและเป็นครู

ส่วนในโรงเรียน สิ่งสำคัญที่สุดคือการฝึกให้เด็กๆ หาทางออกของปัญหาด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังต้องส่งเสริมให้พวกเขารู้จักการคิดวิเคราะห์ กล้าที่จะริเริ่ม และไม่กลัวความผิดพลาด

ปรัชญา ‘น้อยคือมาก’ (less is more) ก็นำมาปรับใช้ได้ หนึ่งวันในโรงเรียนของเราไม่ยาวมากนัก แต่ละชั่วโมงเรียนก็ไม่นานเช่นกัน เด็กๆ ต้องการเวลาให้สมองได้ย่อยข้อมูลที่ได้รับ ไม่ใช่รับข้อมูลใหม่ๆ ตลอดเวลา ต้องให้สมองพักด้วย นั่นคือเวลาที่จะได้ทำความเข้าใจและวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้น

ฟินแลนด์สร้างความเสมอภาคในระบบการศึกษาและโรงเรียนได้อย่างไร

มีการปฏิรูปการศึกษาครั้งใหญ่ในทศวรรษ 1970 และ 1980 ตอนนั้นคือเวลาแห่งการสร้างพื้นฐานที่ราบรื่นให้การศึกษา อีกเรื่องคือเรื่องทรัพยากร หน่วยการปกครองท้องถิ่นเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการแจกจ่ายทรัพยากรด้านการศึกษา คุณต้องแจกจ่ายทรัพยากรให้โรงเรียนในพื้นที่ และเลือกไม่ได้ว่าจะให้ใครหรือไม่ให้ใคร

ประเด็นสำคัญอีกอย่างคือภาษี เราเสียภาษีค่อนข้างสูง แต่มันก็ได้ผล คุณมีส่วนสร้างสังคมที่เสมอภาคในรูปแบบนี้ บางครั้งก็มีบ้างที่คนฟินน์คิดว่าทำไมภาษีถึงแพงจัง แต่เมื่อเราคิดถึงสิ่งที่ได้กลับมา มันก็คุ้มค่า

 

ทั้งหมดทั้งมวลในเรื่องการศึกษาของฟินแลนด์ คุณภูมิใจกับอะไรมากที่สุด

ฉันคิดว่าเรื่องความเสมอภาค นี่เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ทุกคนมีโอกาสทางการศึกษาเท่าเทียมกัน เมื่อคุณได้รับการศึกษา ประตูทุกบานในโลกนี้ก็เปิดออกสำหรับคุณ

 

ในตอนต้น คุณพูดถึงผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมของไทยที่คุณประทับใจ เช่น สินค้าทางภาคเหนือ เราจะทำให้สินค้าของไทยแพร่หลายอย่างผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมของฟินแลนด์ได้อย่างไร

แน่นอนว่าการตลาดคือกุญแจสำคัญอย่างหนึ่ง การฝึกฝนและการศึกษาของนักออกแบบควรจะต้องมีเรื่องการตลาดด้วย คงจะดีถ้าสถาบันการศึกษาของไทยและฟินแลนด์ร่วมมือกันในเรื่องนี้ เมื่อคุณคิดถึงงานออกแบบของไทยและฟินแลนด์ ฉันคิดว่าคงจะเยี่ยมมาก

 

คุณชอบสินค้าอะไรของไทยบ้าง

ฉันชอบผ้า ผ้าไทยมีคุณภาพดีมากๆ ผ้าพันคอและผ้าที่ย้อมสีธรรมชาติ รวมทั้งเซรามิกด้วย ฉันประหลาดใจมากตอนที่ฉันเห็นเซรามิกของไทยครั้งแรก หลายชิ้นมีสไตล์ใกล้เคียงกับฟินแลนด์เลย

 

ในฐานะคนฟินน์ คุณรู้สึกอย่างไรที่ได้เห็นความเป็นฟินแลนด์หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของฟินแลนด์ประสบความสำเร็จในต่างประเทศ

มีความสุขมากค่ะ แล้วก็ภูมิใจด้วย อย่างที่รู้กันว่าฟินแลนด์เป็นประเทศเล็กๆ ฉันจึงดีใจมากที่ได้เห็นว่างานออกแบบและปรัชญาเบื้องหลังงานออกแบบของเรานั้นเป็นสากล

 

FACT BOX:

ผู้ที่สนใจระบบการศึกษาของฟินแลนด์ Finnish Lessons 2.0: ปฏิรูปการศึกษาให้สำเร็จ บทเรียนแนวใหม่จากฟินแลนด์ โดย ปาสิ ซอห์ลเบิร์ก นักการศึกษาชั้นนำของฟินแลนด์และโลก น่าจะช่วยให้คุณเข้าใจความสำเร็จของฟินแลนด์ได้ดียิ่งขึ้น

Tags: , , , , , , , , , , , , , , ,