หลังจากผ่านพ้นฤดูกาลประกาศรางวัลต่างๆ ไปแล้ว เราถือว่าปี 2016 ในโลกภาพยนตร์ได้จบลงอย่างสมบูรณ์ วันนี้ Hollywood Insider เลยจะมาสรุปภาพรวมและตัวเลขต่างๆ ที่ผ่านไปของปีก่อนว่าปีที่แล้วมีอะไรที่สำเร็จหรือล้มเหลว ค่ายหนังค่านไหนที่ครองใจผู้บริโภค และเทรนด์อะไรที่จะส่งผลต่อมาจนถึงปีนี้บ้าง ลองติดตามฟังกันได้ในเอพิโสดนี้

Hi & Lo in 2016

สถิติรายได้รวมของภาพยนตร์ทั้งหมดในอเมริกาในปี 2016 นั้นอยู่ที่ 11.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าปี 2015 อยู่ 2.1% แม้เหมือนจะดูดีแต่กลายเป็นว่าในปีนี้ภาพรวมของหนังนั้นกลายเป็นว่าถ้าเรื่องไหนไม่ดังไปเลยก็ถือว่าพังไปเลย ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากบทวิจารณ์และคะแนนบนเว็บไซต์อย่าง Rotten Tomatoes และ IMDb ที่ส่งผลต่อหนังมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาในปีก่อนๆ อินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียกลายเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาหนังที่จะดูของคนยุคนี้ไปแล้ว

หากเราดูสถิติหนังที่มีรายได้สูงสุด อันดับหนึ่งคือ Captain America: Civil War ที่ได้รายได้ไปมากถึง 1.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากทั่วโลก และได้คะแนนจาก Rotten Tomatoes ไปถึง 90% อันดับที่สองคือเรื่อง Finding Dory ทำรายได้ไป 1.02 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งกวาดไปได้พอๆ กับเรื่อง Zootopia ที่ได้ไป 1.02 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเช่นกัน ต่อด้วย The Jungle Book ที่โกยไปอีก 966 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถ้าหากเราสังเกตกันดีๆ แล้วทั้งสี่เรื่องนี้ได้คะแนนจาก Rotten Tomatoes เกิน 90% และมาจากค่ายหนังเดียวกันนั่นคือ DISNEY ถือว่า 2016 นั้นเป็นปีทองของค่ายนี้เลย

ฟอร์มยักษ์พังเป็นแถบ

เกร็ก ฟอสเตอร์ CEO ของ ไอแมกซ์ เอนเตอร์เทนเมนต์กล่าวไว้ว่าปัจจุบันนี้หากหนังฟอร์มยักษ์ไม่มีอะไรเจ๋งๆ มาโชว์ก็จะจมหายไปเลย หมดสัปดาห์แรกก็ไม่มีคนดูแล้ว ต่างจากเมื่อก่อนที่หนังยังพอทรงตัวได้

อีกเรื่องที่น่าสนใจคือในปีที่ผ่านมานั้นหนังที่ทำรายได้เกิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐมีเพียง 26 เรื่องเท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดใน 10 ปี และหนังฟอร์มยักษ์ก็ต่างเจ๊งกันไปเป็นแถบ อย่างเช่น Ben-Hur, Allied, Gods of Egypt หรือ The Finest Hours

สถิติหนังฟอร์มเล็ก

สำหรับหนังอินดี้ที่ได้รายได้สูงสุดของปีที่แล้วก็ได้แก่ La La Land ที่ได้ทั้งกล่องและได้ทั้งเงินไป 37.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับสองคือ Manchester by the Sea ที่ได้ไป 29.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อด้วย Hell or High Water, Eye in the Sky และ Hello, My Name Is Doris ตามลำดับ

สุดยอดค่ายหนังปี 2016

อย่างที่พูดไป แน่นอนว่าปีนี้เป็นปีของดิสนีย์ที่มีหนังเพียงแค่ 13 เรื่องเท่านั้น แต่โกยรายได้ไปมากถึง 7.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นในสหรัฐอเมริกาประมาณ 3 พันล้าน ที่เหลือมาจากทั่วโลก ถือว่ารายได้เติบโตมากกว่า 27% ด้วยกัน

ต่อด้วย Warner Bros. ที่ได้ไป 5.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากทั่วโลก เพิ่มขึ้น 43% และที่น่าสนใจคือค่าย Universal ที่มีหนังทั้งหมด 17 เรื่อง แต่รายได้ลดลงไปมากถึง 54% จากปีก่อน

ทางดิสนีย์ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าปีนี้เป็นปีแรกที่ดิสนีย์ได้ปล่อยหนังออกมาครบทุกแบรนด์ย่อยของตัวเอง (MARVEL, LUCAS FILM, PIXAR, DISNEY ANIMATION และ DISNEY LIVE ACTION) โดยโฟกัสไปที่เนื้อเรื่องที่มีคุณภาพและเข้าถึงได้ง่ายทั่วโลก หนัง 7 เรื่องของค่ายได้คะแนนเฉลี่ย 92% บนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes และในเว็บไซต์ Cinema Scores ได้เกรด A ทุกเรื่อง

เทรนด์การดูหนังของปี 2016

โซเชียลมีเดียสมัยนี้ส่งผลต่อการดูหนังของคนทั่วไปค่อนข้างมาก ผู้ชมยุคนี้จะถูกชี้นำได้ง่ายมากจากสื่อและนักวิจารณ์ ซึ่งสำหรับเทรนด์บ้านเราก็มาทางนี้เช่นเดียวกัน สังเกตได้จากเพจหนังต่างๆ ที่เกิดขึ้นและสามารถชี้วัดความสำเร็จของหนังได้จากบทวิจารณ์เหล่านี้

ฮาร์เวิร์ด โคเฮน จากRoadside Attraction กล่าวเพิ่มเติมไว้ว่าเดี๋ยวนี้ถ้ารีวิวไม่ปัง หนังก็จะไม่เปรี้ยง ทำให้ไม่มีที่ว่าให้กับการผิดพลาดเลย

สำหรับเทรนด์ของการรีวิวในแฟนเพจบ้านเรานั้น นครินทร์มองว่าบางครั้งมันมีการใส่สีตีไข่มากไปหน่อย และเป็นเรื่องของคนๆ เดียวที่เขียนแต่ส่งผลต่อคนทั่วไปมาก

ตลาดจีนเริ่มซบเซา

ภาพรวมปี 2016 ตลาดจีนถือว่ามีตัวเลขรายได้ที่ลดลงถึง 15% สำหนังหนังฮอลลีวูด หากเทียบกับหนังรายได้อันดับหนึ่งปี 2015 อย่าง Furious 7 ที่ได้รายได้ไปมากถึง 391 ล้านดอลลาร์ กับอันดับหนึ่งของปี 2016 อย่าง Zootopia ที่ทำรายได้ไปเพียง 235.6 ล้านดอลลาร์ ก็ถือว่าลดลงไปร้อยกว่าล้านเลยทีเดียว

—————————————————————–

ข้อเขียนบทความต่อไปนี้ เป็นเนื้อหาส่วนหนึ่งของพอดแคสต์ ที่สรุปใจความสำคัญโดยย่อ ตลอดจนรายละเอียดเพิ่มเติมบางอย่าง เช่น link ของสิ่งที่เกี่ยวข้อง หรือที่ถูกพูดถึงในรายการ เพื่อให้ผู้สนใจได้ตามไปอ่านหรือดูเพิ่มเติม กรุณาคลิกที่นี่เพื่อติดตามฟังรายการเต็มๆ

Tags: , , , , , ,