ภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง รักไร้เสียง หรือ Koe no Katachi ซึ่งกำลังเข้าฉายอยู่ ณ ขณะนี้นำเสนอ ‘โลกไร้เสียง’ ในบางแง่มุม บางฉากตอนที่นางเอกคุยด้วยภาษามือที่เราไม่รู้เรื่อง ก็ทำให้เราเข้าใจความรู้สึกของคนหูหนวกที่ไม่ได้ยินว่าเรากำลังพูดอะไรอยู่ และตระหนักว่าเรายังไม่เคยเข้าใจคนหูหนวกจริงๆ เช่นเดียวกับที่ไม่เข้าใจภาษามือแม้จะเคยคุ้นอยู่บ้างจากมุมล่างขวาหน้าจอโทรทัศน์แต่ก็ไม่เข้าใจอะไร ทั้งยังเกิดข้อสงสัยเมื่อได้เห็น เช่น ชื่อดาราคนนั้นภาษามือเขาแปลอย่างไรกันนะ The Momentum จึงขอชวนไปสำรวจวัฒนธรรมของการใช้ภาษามือที่ดูยากจะเข้าใจในสายตาของผู้ไม่รู้

1. ภาษามือไม่ได้มีภาษาเดียว

ภาษามือแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ อีกทั้งในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเหมือนกันอย่างอังกฤษและอเมริกายังใช้ภาษามือคนละภาษาแยกไปเป็นภาษามืออเมริกันและภาษามือบริติชไม่สามารถใช้สื่อสารด้วยกันได้ และแม้ว่าบางภาษาจะมีคำบางคำอาจจะมีความหมายเหมือนกัน เช่น คำว่า ‘ภาษามือ’ ในภาษามือญี่ปุ่นและภาษามืออเมริกันคือการกำมือชี้นิ้วชี้เข้าหากันแล้ววนเข้าหาลำตัว แต่หากเผลอใช้คำอื่นๆ สลับกันก็อาจเกิดเรื่องยุ่งได้ เพราะคำว่า ‘เพื่อน’ ในภาษามือญี่ปุ่น ใช้ท่าทางคล้ายกับคำว่า ‘แต่งงาน’ ในภาษามืออเมริกัน แทนที่จะขอเป็นเพื่อน อาจได้เป็นมากกว่าเพื่อนแทน

2. ภาษามือมีภาษาสากลแต่ไม่เป็นที่นิยมนัก

ภาษาสากลสำหรับภาษามือเรียกว่า ไอเอส (International Sign : IS) หรือ เกสตูโน (Gestuno) เป็นภาษามือกลางสำหรับคนทุกชาติแต่มีคลังคำค่อนข้างน้อยและมักใช้ในงานระดับนานาชาติ เช่น งานประชุม World Federation of the Deaf และงานประกวด Miss & Mister Deaf Thailand ซึ่งในบางครั้งก็อาจต้องใช้ล่ามเพื่อแปลภาษามือในประเทศนั้นเป็นภาษามือสากลอีกทีหนึ่งในการสื่อสารกับคนชาติต่างๆ เนื่องจากเกสตูโนไม่เป็นที่นิยมโดยทั่วไปนัก

3. ใครๆ ก็มีชื่อใหม่ในภาษามือ

เช่นเดียวกับการที่บางคนไปอยู่ประเทศอื่นแล้วตั้งชื่อตัวเองตามภาษาของคนประเทศนั้น ภาษามือเองก็มีชื่อคนสำหรับภาษามือเหมือนกัน โดยชื่อในภาษามือมักตั้งด้วยการดึงเอกลักษณ์บางอย่างของคนๆ นั้นออกมา อย่างชื่อของมิกกี้เมาส์ในภาษามือ คือการทำมือสองข้างเป็นรูปตัว C ประกบไว้บนศีรษะเหมือนหูของเจ้าหนูมิกกี้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้วิธีสะกดชื่อด้วยพยัญชนะทีละตัวเป็นภาษามือ แล้วชี้ไปยังจุดใดจุดหนึ่งในอากาศเพื่อทดชื่อคนๆ นั้นไว้ ใช้สำหรับเวลาพูดถึงคนที่ไม่ได้อยู่ใกล้ๆ ในขณะนั้น เมื่อจะกล่าวถึงอีกครั้งก็ชี้ไปยังจุดที่ทดไว้ก็จะเข้าใจได้ทันทีว่ากำลังหมายถึงใครอยู่

4. คนใช้ภาษามือคุยกันออกรสมาก

หากได้เห็นคนใช้ภาษามือคุยกันสักครั้งคุณอาจจะต้องประหลาดใจว่าทำไมพวกเขาถึงได้คุยกันใส่อารมณ์ออกสีหน้าจนแทบจะรู้สึกว่าเอะอะเลยทีเดียวแม้ไม่ได้ยินเสียงอะไร เหตุผลนั้นก็เพราะภาษามือไม่ได้สื่อสารด้วยมือเพียงลำพังแต่ใช้ใบหน้าในการสื่อสารด้วย ภาษามือหลายๆ คำ ก็เป็นการทำท่าทางใกล้ๆ ใบหน้าเพื่อใช้สีหน้าช่วยสื่อสารด้วย แม้ท่าทางของมืออย่างเดียวอาจสื่อความหมายได้ แต่หากหน้าตายก็ไม่ต่างไปกับการคุยกันด้วยเสียงโมโนโทนสักเท่าไร

5. ร้องเพลงด้วยภาษามือก็ได้

ในยูทูบมีคลิปการร้องเพลงด้วยภาษามืออยู่มากมาย อย่างเพลง Happy ของ Pharrell Williams (click) แม้โดยส่วนมากแล้วเพลงภาษามือจะจัดทำโดยผู้ที่มีการได้ยินปกติเพื่อจุดประสงค์ทางศิลปะ ความบันเทิง และช่วยในการเรียนรู้ภาษามือสำหรับผู้สนใจ แต่ดนตรีก็ไม่ได้จำกัดไว้สำหรับคนหูดีเท่านั้น คนหูหนวกก็สามารถฟังเพลงผ่านการรับรู้อื่นๆ อย่างในคอนเสิร์ตสำหรับคนหูหนวกโดยศิลปินมาร์ติน แกร์ริกซ์ (Martin Garrix) ที่เน้นสัมผัสแรงสั่นสะเทือนจากเบสและกลอง นอกจากนี้ ในประเทศไทยเองก็เคยมีการจัดงาน Love is Hear : The Concert for The Deaf & The Rest คอนเสิร์ตที่ให้คนหูหนวกและคนหูดีได้มีประสบการณ์การ ‘ฟัง’ ภาพ รส สัมผัส กลิ่น และเสียงของเพลงไปด้วยกัน

ภาษามือก็เป็นเป็นอีกภาษาที่มีลักษณะเฉพาะเป็นของตัวเอง ไม่ใช่เพียงส่วนหนึ่งหรือคำแปลของภาษาพูดเท่านั้น และหากได้ลองศึกษาด้วยตัวเองดูสักครั้งจะต้องทึ่งแน่ว่าสองมือของเรานี้ก็สามารถสื่อสารอะไรได้มากมาย การเรียนรู้ภาษามือไว้เป็นภาษาที่สามก็ฟังดูน่าสนใจเหมือนกันนะ

อ้างอิง:

  • http://beyondthefourthfloorblog.com/2014/01/01/sign-language
  •  www.deaflinx.com/ASL/gestuno.html
  • http://mentalfloss.com/article/13107/7-things-you-should-know-about-sign-language
  • www.signingsavvy.com/sign/MARRY/3852/1
  • www.teenvogue.com/story/martin-garrix-concert-for-the-deaf
  • http://oknation.nationtv.tv/blog/dreamup/2009/06/30/entry-1
Tags: , ,