เอ็ดเวิร์ด ทูเลน ไม่ใช่ชื่อบุรุษในวรรณกรรมสังคมเข้มข้น เอ็ดเวิร์ด ทูเลน เป็นชื่อกระต่ายในนิทานเรื่องหนึ่งมีชื่อภาษาไทยว่า เอ็ดเวิร์ด ทูเลน ตามหาหัวใจไกลสุดฟ้า เป็นนิทานสำหรับเด็กที่ผู้ใหญ่บางคนอ่านแล้วมีน้ำตา

ผู้อ่านคนไทยอาจไม่คุ้นชื่อเอ็ดเวิร์ดเท่าไหร่ แต่แฟนซีรีส์เกาหลีอาจรู้จัก เพราะวรรณกรรมเรื่องนี้ถูกเอ่ยถึงในซีรีส์ My love from the star และอยู่ในฉากจบแสนสำคัญ

เอ็ดเวิร์ดเป็นตุ๊กตากระต่ายกระเบื้องงานประณีต แต่งตัวหรูหรา มีข้อต่อให้แขนขาขยับได้ มีดวงตาสีฟ้าชอบเหม่อมองดวงดาว มันมีชีวิตจากฝีมือการเขียนของเคท ดิคามิลโล (Kate DiCamillo) นักประพันธ์ชาวอเมริกันที่ได้รับรางวัลเหรียญทองนิวเบอรีมาแล้ว

ที่จริงการเรียกเอ็ดเวิร์ดว่า ‘มัน’ ก็ถือเป็นเรื่องผิด เพราะนิสัยดั้งเดิมของเอ็ดเวิร์ดค่อนข้างยโสและถือตัว แม้จะอยู่ในครอบครัวอบอุ่นที่มีเด็กผู้หญิงชื่ออะบีลีนรักมันเป็นนักหนา เอ็ดเวิร์ดกลับไม่รักใคร

คุณย่าของอะบีลีนที่มีพลังเหมือนแม่มดรู้สึกผิดหวัง จึงสาปให้เอ็ดเวิร์ดต้องพรากจากครอบครัวนี้ ระหกระเหินเร่ร่อนเดินทางไกล และต้องใช้ชีวิตร่วมกับคนแปลกหน้ามากมาย

เริ่มตั้งแต่ ลอว์เรนซ์ และ เนลลี ตายายชาวประมงผู้อ่อนโยนซึ่งช่วยเอ็ดเวิร์ดขึ้นมาจากทะเล

บลู และ ลูซี คู่หูชายหนุ่มและหมาพเนจร ผู้คุ้ยเอ็ดเวิร์ดออกมาจากกองขยะเหม็นเน่า

ไบรซ์ และ ซาร่า รูธ พี่น้องยากจน ที่นำเอ็ดเวิร์ดมาอยู่เป็นเพื่อน

เอ็ดเวิร์ดออกเดินทางเป็นเวลาเนิ่นนานนับสิบปี จากไม่เคยรัก ความรักทำให้เอ็ดเวิร์ดพบความหวังในสถานการณ์อันน่าทุกข์ทน นิสัยของมันค่อยๆ เปลี่ยนไป จากไม่เคยสนใจฟังสิ่งที่อะบีลีนพูดด้วย นิสัยชอบเล่าเรื่องของเนลลีก็ทำให้เอ็ดเวิร์ดชื่นชอบการอยู่ในวงล้อมของคนเร่ร่อนที่ผลัดกันเล่าสิ่งต่างๆ สู่กันฟัง

…ทุกแห่งที่บลูกับลูซีนำเอ็ดเวิร์ดไป คนจรจัดบางคนจะขอเอาเอ็ดเวิร์ดไปกระซิบบอกชื่อลูกที่หูเอ็ดเวิร์ด เช่น เบ็ตตี้ เท็ด แนนซี วิลเลียม จิมมี ไอลีน สคิปเปอร์ เฟธ

เอ็ดเวิร์ดรู้ดีว่าการทวนซ้ำชื่อคนที่เราทิ้งไปเป็นอย่างไร เอ็ดเวิร์ดรู้ว่าการคิดถึงใครสักคนเป็นอย่างไร กระต่ายจึงรับฟัง และในยามรับฟัง หัวใจก็เปิดกว้างและกว้างขึ้นเรื่อยๆ…

จากที่เกลียดความสกปรก เอ็ดเวิร์ดไม่เป็นเดือดเป็นร้อนกับการที่คนป่วยอย่าง ซาร่า รูธ ทำให้หูของมันเปื้อนน้ำลาย หรือถูกกอดแน่นจนเหมือนตัวจะแตกเป็นเสี่ยง หัวใจเย็นชาของกระต่ายหลอมละลายทีละน้อย

แต่ก็คล้ายถูกสาป เมื่อเอ็ดเวิร์ดรักใคร มันจะต้องพลัดพรากจากใครคนนั้นโดยไม่มีโอกาสแม้บอกลาเสมอ ความเศร้าเมื่อสูญเสียคนที่รักถูกถ่ายทอดผ่านหลายฉาก อย่างเช่นฉากที่เอ็ดเวิร์ดถูกเชิดให้เต้นรำเพื่อหาเงิน สำหรับมัน นั่นคือการเต้นรำอันไร้ความหมาย ต่างจากการเต้นรำเพื่อให้ซาราห์ได้มีรอยยิ้ม

…ความรู้สึกเหมือนตกเป็นหุ่นไล่กาแสนเลวร้ายหวนกลับมา ความรู้สึกเดียวกับเมื่อครั้งถูกตรึงหูไว้ในสวนผักของหญิงชรา ความรู้สึกที่ไม่มีอะไรสำคัญอีกแล้ว และจะไม่มีอะไรสำคัญอีกเลย

และไม่เพียงแค่เอ็ดเวิร์ดรู้สึกโหวงเหวงว่างเปล่า แต่ยังรู้สึกปวดร้าวด้วย ทุกอณูร่างกายทำด้วยกระเบื้องเจ็บปวด เอ็ดเวิร์ดโหยหาซาราห์ รูธ อยากให้เธอกอดเอาไว้ อยากเต้นรำให้เธอ…

 

บางที ร่างกายกระเบื้องของเอ็ดเวิร์ดอาจแทนความเปราะบางของหัวใจอย่างที่มนุษย์ชอบเปรียบเปรยกัน

บางที นิสัยแย่ๆ ของเอ็ดเวิร์ดอาจแทนธรรมชาติมนุษย์ เมื่อเราได้รับความรักมากพอ เราไม่เคยโหยหาและไม่เห็นค่า แต่ในยามขาดแคลนหรือยามกำลังจะพลัดพราก สิ่งธรรมดาสามัญในชีวิตประจำวันกลับมีความหมาย คำพูดจากใครบางคนเหมือนน้ำชโลมใจ

บางที การจมลงใต้ทะเลลึกหรือถูกฝังในกองขยะ อาจแทนสภาวะทุกข์ไร้ทางออกในชีวิตที่เราประสบ ก่อนจะมีมือใครสักคนยื่นเข้ามาช่วยเหลือ เราเกิดรักเขา และอะไรสักอย่างก็ทำให้ต้องจากกันไป ไม่ว่าด้วยความสมัครใจหรือไม่ แล้วในความทุกข์ เราก็จะพบใครอีกคน และอีกคน เช่นนี้เรื่อยไป

บางที ชีวิตเอ็ดเวิร์ดอาจแทนวงจรความสัมพันธ์ของมนุษย์ที่ปวดร้าว สุขสม สลับกันไปไม่จบสิ้น

ความเศร้าทำให้เอ็ดเวิร์ดเกลียดการพลัดพรากและบอกตัวเองว่าจะไม่รักใครอีก สุดท้ายเอ็ดเวิร์ดก็ถูกใครคนหนึ่งทำให้แตกสลายลง ประหนึ่งภาพสัญลักษณ์เวลาหัวใจเราถูกทำร้าย หัวของมันแตกเป็นเสี่ยง นับได้ 21 ชิ้น

แต่นั่นไม่ใช่จุดจบของนิทานและฉันไม่อาจเฉลย

 

นิทานเรื่องนี้ไม่ซับซ้อน ไม่ยืดยาว แต่อ่อนโยน สำหรับผู้กำลังแตกสลายสิ้นหวัง เอ็ดเวิร์ดแค่ส่งสารสั้นๆ ว่า แม้เกลียดชัง ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเพราะความเจ็บช้ำ ความรักที่ได้รับจึงมีความหมาย ความรักทำให้เราเจ็บปวด และความเจ็บปวดก็กลับมาขัดเกลาหัวใจ เปิดทางให้พบความรักที่ไม่เคยมองเห็น

เจ้าพวกมนุษย์หัวใจกระเบื้อง จงอย่าได้กลัวการตกแตก การถูกทิ้งทำลาย เพราะมันอาจเชื่อมต่อกันได้ใหม่ อีกครั้งและอีกครั้ง ทิ้งรอยแตกให้เป็นเพียงลวดลายประจำตัว และต่อให้ต้องอยู่ลำพัง การมีความหวังคงไม่ทำให้ชีวิตขมปร่าจนเกินทน

 

หัวใจแหลกสลายและแหลกสลาย

และคงอยู่ได้จากการแหลกสลาย

จำเป็นที่จะต้องดำเนิน

ผ่านความมืดและมืดยิ่งกว่า

และไม่ย้อนถอยหลังกลับคืน

 

จากบทกวี ‘The Testing-Tree’ โดย แสตนลีย์ คูนิตช์

 

อ่านจบแล้วฉันจึงเข้าใจ บทกวีเกริ่นเข้าสู่เรื่องราวกระต่ายกระเบื้องหมายความว่าอะไร

Tags: , , , , , , ,