THE SHOW NOTES

ตัวตนของธนินท์ เจียรวนนท์

00.35

แม้ภาพลักษณ์ภายนอกของซีพีนั้นจะดูยิ่งใหญ่และน่ากลัว แต่ถ้าเราได้เจอตัวตนของคุณธนินท์จริงๆ เราจะรู้ได้เลยว่าทำไมเขาถึงยิ่งใหญ่ได้ และในขณะเดียวกันก็มีความน่ารักบางอย่างที่คนทั่วไปไม่รู้ หนุ่มเมืองจันท์เคยมีโอกาสได้สัมภาษณ์หลายครั้ง พบว่าคุณธนินท์นั้นเป็นคนฉลาดมาก และเป็นคนที่รับฟังความคิดเห็นคนอื่น ชอบจะไปพบนักวิชาการของต่างประเทศเพื่อขอความรู้ เป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่กับงานเยอะ และเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลมาก คิดแบบเป็นระบบตลอด

ในแง่มุมของชีวิตส่วนตัวนั้นถือว่าเป็นคนเรียบง่าย ครั้งหนึ่งคุณธนินท์เคยลงทุนทำโลตัสที่ประเทศจีน เมื่อหนุ่มเมืองจันท์ไปนั่งคุยด้วยสักพักเขาก็ถามขึ้นมาว่ารู้ไหมเสื้อที่เขาใส่ตัวละเท่าไหร่ สุดท้ายก็เฉลยว่าซื้อมาจากโลตัสนั่นแหละ เป็นคนใส่เสื้อผ้าสบายๆ ไม่เน้นแบรนด์ อาหารที่กินก็เป็นอาหารของซีพีเอง

 

แม้จะมีจุดดำ แต่ก็ขอให้มองคนในแง่ดี

04.27

คุณธนินท์เป็นคนชมคนเก่ง ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเยินยอ แต่แกเป็นคนที่หาข้อดีของคนได้เก่งมาก มีความจริงใจอยู่ในนั้นทุกคำ

บี-ทิพาภรณ์ เจียรวนนท์ ผู้เป็นลูกสาวเคยให้สัมภาษณ์ครั้งหนึ่งถึงการเลี้ยงลูกของคุณธนินท์และคุณหญิงเทวีผู้เป็นแม่ โดยเล่าว่าแม่จะคอยสอนอยู่เสมอว่าอย่าดูถูกคน เพราะแม่เคยเป็นคนฐานะยากจนมาก่อน สอนให้อ่อนน้อมถ่อมตน ต้องไหว้พี่เลี้ยงเสมอ ห้ามตีพี่เลี้ยง ส่วนคุณพ่อคอยเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟัง และทุกครั้งที่นั่งรถกลับจากโรงเรียนคุณพ่อก็จะถามเสมอว่าวันนี้ได้ไปพูดจาให้ร้ายใครหรือเปล่า ทำตัวไม่ดีเรื่องอะไรหรือเปล่า ไปทำอะไรให้ใครเสียใจบ้าง พร้อมกันนั้นก็จะถามว่าแล้ววันนี้ไปทำเรื่องดีๆ อะไรมาบ้าง หลังจากนั้นก็จะชมในเรื่องที่ทำดี และให้กลับไปขอโทษในสิ่งที่ทำไม่ดี เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องคุณธรรมอย่างมาก

ครั้งหนึ่งคุณพ่อเคยพาไปเจอเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเขาไม่ชอบเลย แต่คุณพ่อก็ให้เขากล่าวชมเพื่อคนนี้ต่อหน้า ซึ่งก็ทำให้รู้สึกสงสัยมากว่าทำไม จนวันหนึ่งก็ตัดสินใจถามว่าทำไมคุณพ่อถึงให้ชมคนคนนี้ทั้งที่เป็นคนไม่ดี คุณพ่อบอกว่าทุกคนนั้นมีข้อดีและข้อเสีย และถามกลับมาว่าถ้ามีเพื่อนคนหนึ่งที่ชอบนินทา บีจะคบไหม เขาก็ตอบว่าไม่คบหรอก คุณธนินท์ก็ถามต่อว่าแล้วถ้าเพื่อนคนนั้นชอบช่วยเหลือคนอื่นด้วยล่ะจะคบไหม เขาก็เริ่มลังเล คุณพ่อก็สอนต่อว่าเวลาคบคนเราต้องชื่นชมในสิ่งที่เขาดี ให้ดูในจุดดีของเขา ส่วนจุดที่ไม่ดีเราก็พยายามหลีกเลี่ยง ซึ่งในแง่ของการบริหารงานนั้นเราก็สามารถขยายจุดดีของคนคนนั้นเพื่อมาทำงานในบางเรื่องได้ด้วย

 

ความผิดพลาดของเรามีผลกระทบกับคนอื่น

11.30

อีกสิ่งที่คุณธนินท์สอนลูกอยู่เป็นประจำคือ เวลากลับถึงบ้านอย่าวางเงินไว้บนโต๊ะ เพราะวางแบบนั้นมันจะทำร้ายคนในบ้าน ถ้าหากแม่บ้านมาเห็นเข้า แม้จะไม่ได้มีนิสัยชอบขโมยแต่เมื่อเห็นเข้าทุกวันๆ มันก็ยั่วยวนใจ หากวันหนึ่งลูกของเขาป่วยขึ้นมาเลยหยิบเงินไปใช้ ถ้าโดนจับได้จนโดนไล่ออกมันก็ไม่ใช่ความผิดของเขาทั้งหมด แต่เป็นความผิดของเราด้วย

เมื่อลูกโตขึ้นคุณธนินท์ได้ส่งไปเรียนต่อที่อเมริกา วันหนึ่งลูกไปทำรถหาย ปรากฏว่าคุณธนินท์ไม่โกรธ บอกแค่ให้รีบไปซื้อรถคันใหม่ เพราะมันต้องใช้ส่งน้องๆ ไปเรียน ผ่านไปสักพักคราวนี้เป็นกระเป๋าเงินหาย คราวนี้พ่อโกรธมากทั้งที่มูลค่ามันน้อยกว่ารถอีก คุณธนินท์บอกว่าที่ไม่โกรธเรื่องรถเพราะรถมันโดนขโมย เราไม่ได้ผิด แต่ที่กระเป๋าเงินหายเป็นความไม่ระวังของเราเองที่ไปวางผิดที่ผิดทาง และพูดต่อว่าถ้าคนที่เอาไปเขาเป็นขโมยครั้งแรกแล้วเกิดติดใจ ไปขโมยต่อครั้งที่สอง ครั้งที่สาม แล้วถ้าวันหนึ่งเขาโดนจับติดคุกครอบครัวเขาจะเป็นยังไง เป็นมุมที่เราคิดไม่ถึง ซึ่งนี่เป็นการสอนให้ลูกมองความผิดพลาดจากตัวเองก่อน และเวลาแก้ไขข้อผิดพลาดนั้น แก้ไขจากตัวเองมันง่ายกว่าแก้ไขคนอื่นอยู่แล้ว

 

หลักในการบริหารสามอย่าง

15.55

หลักในการทำงานหนึ่งที่หนุ่มเมืองจันท์ได้รับมาจากคุณธนินท์ ก็คือหลักการทำงานนั้นจริงๆ มันมีแค่สามอย่าง ได้แก่ การบริหารงาน การบริหารเงิน และการบริหารคน ซึ่งทุกงานที่เราทำนั้นจะมีสามองค์ประกอบนี้อยู่เสมอ ผู้บริหารที่ดีต้องบริหารทั้งสามอย่างนี้ให้ได้ บางคนบริหารคนไม่เป็นก็ต้องทำงานหนัก และสูญเสียคนเก่งๆ ออกไป

 

สองเหตุผลที่โดนต่อว่า

16.57

มีช่วงเวลาหนึ่งที่คุณธนินท์โดนโจมตีเยอะมาก ลูกสาวก็มาปรึกษาเรื่องนี้ คุณธนินท์ก็สอนลูกสาวว่าเวลามีคนมาว่าเรานั้นมีเหตุผลอยู่แค่สองอย่าง อย่างแรกคือเขาเข้าใจผิด ถ้าเป็นแบบนี้เราก็หาทางชี้แจงให้เขาเข้าใจ ไม่ต้องไปโกรธเขา ส่วนอย่างที่สองคือเราอาจจะไปทำอะไรเขาจริงๆ ก็ได้ ซึ่งถ้าเราทำพลาดเราก็ไปขอโทษเพราะเราผิดเท่านั้นเอง เป็นวิธีคิดที่ง่ายมาก

 

ครอบครัวกับความสำเร็จ

19.12

คนชอบคิดว่าหากเราจะสำเร็จได้ครอบครัวต้องเสียสละเวลาให้เรา แต่คุณธนินท์บอกว่าไม่จริง สองอย่างนี้ต้องมาด้วยกัน
ครั้งหนึ่งลูกสาวไปทำงานที่เมืองจีนและต้องเตรียมตัวพรีเซนต์ในวันถัดไป คุณธนินท์ก็โทรหาและบอกว่ากลับบ้านมาเจอหน่อย คิดถึง ลูกสาวก็บอกว่ากลับไม่ได้หรอกเพราะมีงานค้างอยู่ คุณธนินท์เลยบอกว่าบริษัทใหญ่ขนาดนี้ถ้าหาคนมาทำงานแทนเราไม่ได้ก็ปิดบริษัทไปเถอะ ได้ยินดังนั้นลูกสาวก็เลยต้องกระจายงานออกไปให้คนอื่นแล้วกลับบ้าน แต่สิ่งที่ได้เรียนรู้หลังจากนั้นคือลูกน้องแต่ละคนที่ได้รับงานไปนั้นทำงานได้ดีกว่าเราอีก พบว่าบริษัทมันต้องเดินหน้าไปได้ไม่ใช่แค่เพราะเราคนเดียว

 

ไม่มีใครเก่งตลอดกาล

22.52

คุณธนินท์เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าเขาชอบบอกพนักงานว่าโลกนี้ไม่มีใครเก่งไปตลอดกาล วันนี้คุณเก่ง แต่พรุ่งนี้จะมีคนเก่งกว่าคุณ เพราะฉะนั้นคนที่ภูมิใจว่าตัวเองเก่งมากนั้นขอให้เตรียมใจไว้ว่าความหายนะกำลังจะมาถึงตัวแล้ว เพราะคุณจะไม่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

 

สร้างคนมาเป็นหัวหน้าในวิธีของธนินท์

23.30

เมื่อคุณธนินท์ตั้งหน่วยงานใหม่ อย่างเช่นบริษัทเลี้ยงไก่ แกจะไม่ตั้งเป็นบริษัทเดียว แต่จะตั้งบริษัทย่อยสัก 3-4 บริษัท แยกกันไปเลี้ยงไก่ของตัวเองแล้วประชุมกันทุกเดือน คุยกันว่ามีอะไรสำเร็จหรือล้มเหลวบ้าง ก็จะได้ความรู้กันทุกคน แล้ววันนึงสี่บริษัทนี้จะมีคนหนึ่งขึ้นมาเป็นหัวหน้า ซึ่งการประชุมกันมาในระยะยาวแบบนี้จะทำให้เกิดการยอมรับกันและกัน เมื่อมีคนหนึ่งถูกแต่งตั้งเพราะคนที่เหลือจะเข้าใจว่าเพราะรู้ว่าคนนี้เก่งจริง ต่างจากวิธีสอบแข่งขันให้คนหนึ่งมาเป็นหัวหน้า ขณะที่อีกสามคนจะไม่มั่นใจในความสามารถของคนที่ถูกแต่งตั้งขึ้นมา ซึ่งอาจทำให้การทำงานไม่ราบรื่นได้

 

วิสัยทัศน์นอกกรอบ

25.09

คุณธนินท์เคยบอกว่าปลามันต้องกินแพลงก์ตอนต่างๆ ในทะเล จนโตขึ้นมาให้เรากินเนื้อ เขาก็คิดว่าทำไมเราถึงไม่เอาอาหารปลาเหล่านั้นมาผลิตให้เป็นเนื้อปลาเลยล่ะ นี่คือความกล้าคิดของคุณธนินท์ที่แม้จะยังเป็นจริงไม่ได้ แต่เมื่อเรากล้าคิดไปไกลสิ่งที่เราได้กลับมามันจะมากกว่าสิ่งที่เรามีอยู่ ทำให้ซีพีเติบใหญ่ขึ้นมาได้ถึงขนาดนี้

Tags: , , , , , , , ,